หลิงเทียนรู้สึกสดชื่นอย่างมาก
แม้ว่าจะเขาดูเหมือนได้รับความเสี่ยงมากเมื่อเขาคุยเรื่องนี้กับปรมาจารย์ฉิน
แต่จริงๆแล้วมันคือเทคนิคขั้นสูงมาก ! อันดับแรก
เขาใช้ความสามารถในการจดจำอันยอดเยี่ยมของเขาเพื่อดึงดูดความรักของชายชราที่มีต่อผู้มีพรสวรรค์
! จากนั้น
เขาก็ใช้ความอยากรู้อยากเห็นที่เขาสร้างขึ้นเพื่อล่อหลอกชายชราตรงหน้าและก็ค่อยๆเผยความลับบางอย่างของเขาที่ละนิดแล้วก็ค่อยๆดึงปรมาจารย์ฉินมาอยู่ภายในกำมือ
ส่งผลให้ปรมาจารย์ฉินไม่สามารถดึงตัวเองออกจากแผนของเขาไปได้อีกและหลิงเทียนก็ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาบางอย่างในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ทุกคนต้องรู้ก่อนว่าปรมาจารย์ฉินนั้นมีทางออกอยู่เพียงทางเดียวเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเขาจะเปิดเผยความลับของหลิงเทียนออกไป แต่เขาก็ต้องสูญเสียสุดยอดศิษย์อัจฉริยะแห่งยุคและสูญเสียโอกาสเดียวของเขาที่จะสร้างความตกตะลึงให้กับโลกใบนี้
นอกจากนี้ชีวิตและครอบรัวของเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
ไม่ว่าตระกูลหลิงจะตกต่ำมากแค่ไหนแต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะดูแลครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่ง
อีกด้านหนึ่งถ้าหากเขาทรยศตระกูลที่เขาทำงานให้
เขาจะถูกตีตราว่าเป็นคนทรยศที่น่าสมเพช !
ชื่อเสียงในด้านดีทั้งหมดของปรมาจารย์ฉินที่โด่งดังไปทั่วทั้งแคว้นก็จะถูกทำลายลงเพียงการกระทำที่โง่เขลาเพียงแค่ครั้งเดียว
จากนั้นชื่อเสียงในด้านที่เลวร้ายของเขาก็จะถูกจารึกในหนังสือประวัติศาสตร์ไปทั่วทั้งโลก
!
กับคนเช่นปรมาจารย์ฉินที่ห่วงชื่อเสียงมากกว่าชีวิตของตนนั้นพวกเขายอมตายเป็นหมื่นๆครั้งดีกว่าที่จะต้องมาเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้
ถ้าปรมาจารย์ฉินเก็บความลับนี้ไว้กับตัว
มันก็หมายความว่าตัวเขาและครอบครัวก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล !
ถ้าหากเขามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเช่นตระกูลหลิง
ปัญหาใดๆที่เขาต้องเผชิญในอนาคตก็จะผ่านไปง่ายขึ้น ! ด้วยความสติปัญญาของหลิงเทียน
เขาแน่นอนว่าจะสามารถทำให้โลกตะลึงได้หากว่าปีกของเขามีเวลาเพียงพอที่จะเติบโต ! แล้วเมื่อถึงตอนนั้น
ปรมาจารย์ฉินผู้ซึ่งเป็นถึงอาจารย์คนแรกของหลิงเทียนก็จะได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งโลก
. นี่คือสิ่งที่ปรมาจารย์ฉินใฝ่ฝันมาตลอดทั้งชีวิต ! และตอนนี้เขาก็มีโอกาสที่จะเติมเต็มความฝัน
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะรับโอกาสนี่ไว้และยึดมันกับตัวอย่างแน่หนาถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะแตกสลายออกเป็นชิ้นๆเขาก็ยอม
เงื่อนไขที่หลิงเทียนเสนอเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ฉินไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลย
ที่จริงแล้วสิ่งนี้มันก็เป็นสิ่งที่เขานั้นต้องการอยู่แล้ว
หลังจากที่สนทนากับปรมาจารย์ฉิน
, หลิงเทียนก็รู้สึกผ่อนคลายมาก
ด้วยความพึงพอใจ เขาเรียกคนรับใช้สองคนและเดินออกจากประตูหลักของคฤหาสน์ไป
เบื้องหลังของเขา
ใบหน้าของปรมาจารย์ฉินนั้นเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง
จากนั้นเขาก็สบถคำหยาบคายที่เขาไม่เคยพูดออกมาก่อนในชีวิตและเตะเก้าอี้ที่หลิงเทียนนั่งอยู่ก่อนหน้าปลิวไปไกล
หลังจากนั้นเขาก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยรอยยิ้มผ่อนคลายบนใบหน้า
บางครั้งเขาก็ยิ้มบางครั้งเขาก็โกรธ ;
ความรู้สึกมากมายปรากฏบนใบหน้าของเขาไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าเขาเป็นคนบ้า
หลิงเทียนผู้ซึ่งมีดวงตากลมใหญ่และแก้มที่แดงดั่งดอกกุหลาบในชุดคลุมสีขาวหิวมะกำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุขอยู่บนถนน
เขาเริ่มตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า , “ สหายของข้า ปี 1949
มาถึงแล้ว ! ประชาชนชาวจีนได้รับการปลดปล่อย !
”
คนรับใช้ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขามองหน้ากันอย่างแปลกๆก่อนจะถอนหายใจแล้วกล่าวว่า
“ หนุ่มสาวนี่ดีจริงๆเลย
ดูที่นายน้อยสิว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน ! ”
เมื่อไรก็ตามที่อารมณ์ของเขากำลังดีสุดๆ
อะไรบางอย่างที่ไม่ดีก็มักจะมาทำลายช่วงเวลานี้ไปเสมอ ! นี่เป็นสิ่งที่หลงเทียนนั้นประสบพบเจอบ่อยมาก
ทันใดก็เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงขึ้นบนถนนสายนี้เมื่อหลิงเทียนได้ยินเสียงผู้คนกรีดร้อง
มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากบ่อนพนันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและถือพวงเงินดูแล้วประมาณหนึ่งก้วน
[ TL : เป็นค่าเงินสมัยก่อนที่จะเป็นพวงเงิน
พวงเงินหนึ่งพันเหวิน = 1 ก้วน ] อยู่ในมือ
ดูเหมือนว่าวันนี้มันผู้นี้จะโชคดี
แต่เมื่อมันเดินออกจากบ่อนพนันมันกลับถูกชนจนล้มลงไปกับพื้นโดยร่างเล็กๆและพวงเงินของมันก็ตกลงพื้นทำให้เหรียญกระจายไปทั่ว
แต่ก่อนที่มันจะมีโอกาสได้ด่า ร่างเล็กๆนั้นก็วิ่งตรงไปทางประตูเมืองอย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นตะโกนไล่หลังร่างเล็กๆนั้นไปอย่าโมโห
“ ไอ้เด็กเหี้! บิดาผู้นี้จะทำให้เจ้าได้เจอดีแน่ถ้าข้าจับเจ้าได้
! ”
ร่างเล็กๆนั้นวิ่งผ่านหลิงเทียนไปและหลิงเทียนก็เห็นหน้าของเด็กคนนี้อย่างชัดเจน
เด็กผู้นี้ดูแล้วเป็นเด็กอายุประมาณเจ็ดถึงแปดปีแต่มีร่างกายที่ผอมมาก
เสื้อผ้าของมันนั้นดูเหมือนผ้าขี้ริ้วซะมากกว่าใบหน้าของมันนั้นเปื้อนเต็มไปด้วยเศษดิน
ฟันของมันขบกันแน่นในขณะที่มันวิ่งไปที่ประตูเมืองเรื่อยๆโดยไม่หันกลับมามอง
หลิงเทียนถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ
หลิงเทียนตกตะลึงในความเร็วของเด็กน้อยผู้นี้
มันเห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยผู้นี้ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ใดมาก่อน แต่เมื่อมันวิ่ง
ร่างกายเล็กๆของมันนั้นกลับควบคุมได้อย่างสมบูรณ์และทำมันเร็วกว่าผู้ใหญ่ทั่วไป
ดูจากไอน้ำที่พุ่งสูงขึ้นจากหัวของมัน หลิงเทียนสามารถบอกได้เลยว่าเจ้าเด็กคนนี้นั้นวิ่งมาเป็นระยะเวลานานแล้ว
ถ้าไม่เช่นนั้น
ทำไมร่างกายของมันจึงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อในขณะที่สภาพอากาศหนาวเยี่ยงนี้ ?
ดูเหมือนว่ามันตัดสินใจได้ไม่เลวนัก
หลิงเทียนรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดเด็กน้อยผู้นี้จึงต้องวิ่ง ?
มันดูรีบร้อนเกินไปราวกับว่ามีหมาป่าที่หิวโหยวิ่งไล่ตามหลังมัน…
ในขณะที่หลิงเทียนกำลังคิด
ร่างของเด็กคนนั้นก็ลับหายไปแล้วโดยทิ้งคำสาปแช่งของคนที่เด็กคนนั้นได้ชนไปไว้เบื้องหลัง
หลังจากนั้น
หลิงเทียนก็ได้ยินเสียงคนหลายสิบคนกำลังวิ่ง
มันดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ต้องไล่ตามเด็กชายผู้นั้นอยู่เป็นแน่ ,
หลิงเทียนคิดกับตัวเอง . หลิงเทียนมองไปยังทิศทางที่เด็กหนุ่มผู้นั้นผ่านมาแล้วก็เห็นฝูงชนที่วิ่งมาราวกับคลื่นยักษ์
. หลิงเทียนขมวดคิ้วเพียงครู่เดียว จากนั้นความคิดต่างๆก็โผล่เข้ามาในหัว
เขาเดินไปหาชายผู้ที่สาปแช่งเด็กคนนั้นก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของมัน “ ไอ้ขยะ ! เหตุใดเจ้าจึงอวดดีเช่นนี้ !? ”
หลังจากที่อยู่ดีๆก็โดนเตะ
ชายผู้นั้นก็ขดตัวงออยู่บนพื้นทันทีราวกับกุ้งขณะที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวด
“ ไอ้เด็กเปรต ! เจ้ากำลังมองหาที่ตาย
! ”
หลิงเทียนประเคนตีนเตะมันไปอีกครั้ง
“ ไอ้ขยะเอ้ย , เจ้ากล้าด่านายน้อยผู้นี้
? ” พูดจบหลิงเทียนก็เตะมันไปอีกครั้ง
ทุกคนที่อยู่บนถนนเส้นนี้พลันรู้สึกราวกับว่ามุมมองต่อโลกของพวกมันกว้างขึ้น
นั่นก็เพราะว่าตอนนี้มีเด็กหนุ่มแต่งตัวดูเหมือนผู้ดีอายุดูแล้วไม่น่าจะถึงสิบปีกำลังกระทืบชายที่มีอายุมากกว่ายี่สิบปี
! ฝูงชนเริ่มเข้ามาดูเหตุการณ์แปลกๆนี้มากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มเส้นทางเดินเริ่มเบียดเสียด
ขณะที่คนรับใช้ทั้งสองเห็นว่าชายนักพนันคนนี้กล้าที่จะฉีกหน้านายน้อยของพวกเขา
พวกเขาก็โกรธเป็นอย่างมาก ! พวกเขาก้าวไปหาชายนักพนันและตบไปที่ใบหน้าของมันโดยทันทีทำให้ฟันของชายนักพนันผู้นี้หลุดออกจากปากมันหลายซี่
“ เจ้ากล้าที่จะฉีกหน้านายน้อย ? เจ้าสมควรตาย ! ” หมัดของพวกเขากระหน่ำชกไปที่ชายนักพนันราวกับห่าฝน
นักพนันคนนั้นก็ตระหนักได้ทันที่เลยว่าคนที่เตะเขาอยู่ในชุดที่ดูหรูหราและดูเหมือนว่าเป็นเด็กจากตระกูลที่ร่ำรวย
ในเวลานั้นเขาสามารถบอกได้เลยว่าเขาได้ล่วงเกินบุคคลที่ไม่สมควรจะล่วงเกินเข้าให้แล้ว
จากนั้นเขาก็เริ่มยกมือกราบขอร้อง
เหล่าฝูงชนมองไปยังหลิงเทียนด้วยความรู้สึกหวาดกลัวในสายตา
เด็กคนนี้เป็นคนของตระกูลใดกัน ? แล้วเหตุใดเขาจึงกดขี่ชายคนนั้น ?
เหล่าชายฉกรรจ์ในชุดดำซึ่งกำลังไล่ตามเด็กน้อยผู้นั้นพลันมองเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบนถนนทำให้เส้นทางนั้นติดขัด
พวกมันช่วยไม่ได้ที่จะโกรธและตะโกนออกไป “
พวกเจ้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จงไสหัวไป , พวกเรามีเรื่องที่ต้องจัดการ ” จากนั้นพวกมันก็เหยียดมือออกไปและผลักฝูงชนที่อยู่ของนอกไปด้านข้าง
หลิงเทียนหันไปทันที
“ ใครกล้าหือกับข้า ? ”
คนรับใช้ของตระกูลหลิงทั้งสองนั้นมีนิสัยที่จองหองและชอบใช้ความรุนแรง
พวกเขาก้าวออกจากฝูงชนก่อนจะกางแขนและยกจมูกขึ้นราวกับภาคภูมิใจ “ นายน้อยของตระกูลหลิงกำลังจัดการเรื่องบางอย่างอยู่ ใครกล้าที่จะรบกวนเขา
? ” ความหยิ่งผยองในโทนเสียงของพวกเขานี้เป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐยังไม่กล้าจะมี
เหล่าชายฉกรรจ์ในชุดดำพลันตกตะลึงและตระหนักได้ว่าพวกมันพลาดแล้ว
พวกเขาเป็นคนจากคฤหาสน์ตระกูลหลิง !
แถมยังเป็นนายน้อยคนปัจจุบันของตระกูลหลิงอีกด้วย ! พวกเขารีบเสมองไปทางอื่นด้วยความลังเลใจทันที
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ
แต่ใครเล่าจะไม่รู้จักเรื่องของคนตระกูลหลิง ?
ด้วยอำนาจที่ตระกูลหลิงมีนั้นไม่ใช่อะไรที่กลุ่มเล่นๆเช่นมพวกมันสามารถต่อกรได้
ดังนั้นพวกมันจึงรีบถอยกลับทันที
-------------------------------------
สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่าหลิงเทียนตะโกนอะไร 1949 ผมไปค้นหาในอากู๋มาว่ามันเป็นปีสุดท้ายที่สิ้นสุดของสงครามกลางเมืองภายในจีนระหว่างพรรคปกครองสาธารรัฐจีน
กับ พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครับ รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ “ สงครามปลดปล่อย
” ครับ ส่วนใครอยากรู้เพิ่มเติมก็ลองไปหาอ่านดูได้
เงินเหวินนั้นเป็นเหรียญกษาปณ์ที่ทำจากทองแดงผสม
1000 เหวิน = 1
ก้วน [ มันจะมาเป็นพวง ] 1 ก้วน = 1 ตำลึงเงิน [ เอาตามนี้ไว้ก่อนแล้วกัน
] หากใครมีข้อมูลมากกว่านี้ก็แนะนำด้วยครับ