บทที่ 22 : ความปั่นป่วนบนถนน



หลิงเทียนรู้สึกสดชื่นอย่างมาก


แม้ว่าจะเขาดูเหมือนได้รับความเสี่ยงมากเมื่อเขาคุยเรื่องนี้กับปรมาจารย์ฉิน แต่จริงๆแล้วมันคือเทคนิคขั้นสูงมาก ! อันดับแรก เขาใช้ความสามารถในการจดจำอันยอดเยี่ยมของเขาเพื่อดึงดูดความรักของชายชราที่มีต่อผู้มีพรสวรรค์ ! จากนั้น เขาก็ใช้ความอยากรู้อยากเห็นที่เขาสร้างขึ้นเพื่อล่อหลอกชายชราตรงหน้าและก็ค่อยๆเผยความลับบางอย่างของเขาที่ละนิดแล้วก็ค่อยๆดึงปรมาจารย์ฉินมาอยู่ภายในกำมือ ส่งผลให้ปรมาจารย์ฉินไม่สามารถดึงตัวเองออกจากแผนของเขาไปได้อีกและหลิงเทียนก็ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาบางอย่างในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า


ทุกคนต้องรู้ก่อนว่าปรมาจารย์ฉินนั้นมีทางออกอยู่เพียงทางเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะเปิดเผยความลับของหลิงเทียนออกไป แต่เขาก็ต้องสูญเสียสุดยอดศิษย์อัจฉริยะแห่งยุคและสูญเสียโอกาสเดียวของเขาที่จะสร้างความตกตะลึงให้กับโลกใบนี้ นอกจากนี้ชีวิตและครอบรัวของเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน ไม่ว่าตระกูลหลิงจะตกต่ำมากแค่ไหนแต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะดูแลครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่ง อีกด้านหนึ่งถ้าหากเขาทรยศตระกูลที่เขาทำงานให้ เขาจะถูกตีตราว่าเป็นคนทรยศที่น่าสมเพช ! ชื่อเสียงในด้านดีทั้งหมดของปรมาจารย์ฉินที่โด่งดังไปทั่วทั้งแคว้นก็จะถูกทำลายลงเพียงการกระทำที่โง่เขลาเพียงแค่ครั้งเดียว จากนั้นชื่อเสียงในด้านที่เลวร้ายของเขาก็จะถูกจารึกในหนังสือประวัติศาสตร์ไปทั่วทั้งโลก ! กับคนเช่นปรมาจารย์ฉินที่ห่วงชื่อเสียงมากกว่าชีวิตของตนนั้นพวกเขายอมตายเป็นหมื่นๆครั้งดีกว่าที่จะต้องมาเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้


ถ้าปรมาจารย์ฉินเก็บความลับนี้ไว้กับตัว มันก็หมายความว่าตัวเขาและครอบครัวก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล ! ถ้าหากเขามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเช่นตระกูลหลิง ปัญหาใดๆที่เขาต้องเผชิญในอนาคตก็จะผ่านไปง่ายขึ้น ! ด้วยความสติปัญญาของหลิงเทียน เขาแน่นอนว่าจะสามารถทำให้โลกตะลึงได้หากว่าปีกของเขามีเวลาเพียงพอที่จะเติบโต ! แล้วเมื่อถึงตอนนั้น ปรมาจารย์ฉินผู้ซึ่งเป็นถึงอาจารย์คนแรกของหลิงเทียนก็จะได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งโลก . นี่คือสิ่งที่ปรมาจารย์ฉินใฝ่ฝันมาตลอดทั้งชีวิต ! และตอนนี้เขาก็มีโอกาสที่จะเติมเต็มความฝัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะรับโอกาสนี่ไว้และยึดมันกับตัวอย่างแน่หนาถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะแตกสลายออกเป็นชิ้นๆเขาก็ยอม


เงื่อนไขที่หลิงเทียนเสนอเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ฉินไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลย ที่จริงแล้วสิ่งนี้มันก็เป็นสิ่งที่เขานั้นต้องการอยู่แล้ว


หลังจากที่สนทนากับปรมาจารย์ฉิน , หลิงเทียนก็รู้สึกผ่อนคลายมาก ด้วยความพึงพอใจ เขาเรียกคนรับใช้สองคนและเดินออกจากประตูหลักของคฤหาสน์ไป


เบื้องหลังของเขา ใบหน้าของปรมาจารย์ฉินนั้นเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง จากนั้นเขาก็สบถคำหยาบคายที่เขาไม่เคยพูดออกมาก่อนในชีวิตและเตะเก้าอี้ที่หลิงเทียนนั่งอยู่ก่อนหน้าปลิวไปไกล หลังจากนั้นเขาก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยรอยยิ้มผ่อนคลายบนใบหน้า บางครั้งเขาก็ยิ้มบางครั้งเขาก็โกรธ ; ความรู้สึกมากมายปรากฏบนใบหน้าของเขาไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าเขาเป็นคนบ้า


หลิงเทียนผู้ซึ่งมีดวงตากลมใหญ่และแก้มที่แดงดั่งดอกกุหลาบในชุดคลุมสีขาวหิวมะกำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุขอยู่บนถนน เขาเริ่มตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า , “ สหายของข้า ปี 1949 มาถึงแล้ว ! ประชาชนชาวจีนได้รับการปลดปล่อย ! ”


คนรับใช้ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขามองหน้ากันอย่างแปลกๆก่อนจะถอนหายใจแล้วกล่าวว่า หนุ่มสาวนี่ดีจริงๆเลย ดูที่นายน้อยสิว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน ! ”


เมื่อไรก็ตามที่อารมณ์ของเขากำลังดีสุดๆ อะไรบางอย่างที่ไม่ดีก็มักจะมาทำลายช่วงเวลานี้ไปเสมอ ! นี่เป็นสิ่งที่หลงเทียนนั้นประสบพบเจอบ่อยมาก


ทันใดก็เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงขึ้นบนถนนสายนี้เมื่อหลิงเทียนได้ยินเสียงผู้คนกรีดร้อง มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากบ่อนพนันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและถือพวงเงินดูแล้วประมาณหนึ่งก้วน [ TL : เป็นค่าเงินสมัยก่อนที่จะเป็นพวงเงิน พวงเงินหนึ่งพันเหวิน = 1 ก้วน ] อยู่ในมือ ดูเหมือนว่าวันนี้มันผู้นี้จะโชคดี


แต่เมื่อมันเดินออกจากบ่อนพนันมันกลับถูกชนจนล้มลงไปกับพื้นโดยร่างเล็กๆและพวงเงินของมันก็ตกลงพื้นทำให้เหรียญกระจายไปทั่ว แต่ก่อนที่มันจะมีโอกาสได้ด่า ร่างเล็กๆนั้นก็วิ่งตรงไปทางประตูเมืองอย่างรวดเร็ว


ชายคนนั้นตะโกนไล่หลังร่างเล็กๆนั้นไปอย่าโมโห ไอ้เด็กเหี้! บิดาผู้นี้จะทำให้เจ้าได้เจอดีแน่ถ้าข้าจับเจ้าได้ ! ”


ร่างเล็กๆนั้นวิ่งผ่านหลิงเทียนไปและหลิงเทียนก็เห็นหน้าของเด็กคนนี้อย่างชัดเจน เด็กผู้นี้ดูแล้วเป็นเด็กอายุประมาณเจ็ดถึงแปดปีแต่มีร่างกายที่ผอมมาก เสื้อผ้าของมันนั้นดูเหมือนผ้าขี้ริ้วซะมากกว่าใบหน้าของมันนั้นเปื้อนเต็มไปด้วยเศษดิน ฟันของมันขบกันแน่นในขณะที่มันวิ่งไปที่ประตูเมืองเรื่อยๆโดยไม่หันกลับมามอง


หลิงเทียนถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ


หลิงเทียนตกตะลึงในความเร็วของเด็กน้อยผู้นี้ มันเห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยผู้นี้ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ใดมาก่อน แต่เมื่อมันวิ่ง ร่างกายเล็กๆของมันนั้นกลับควบคุมได้อย่างสมบูรณ์และทำมันเร็วกว่าผู้ใหญ่ทั่วไป ดูจากไอน้ำที่พุ่งสูงขึ้นจากหัวของมัน หลิงเทียนสามารถบอกได้เลยว่าเจ้าเด็กคนนี้นั้นวิ่งมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ถ้าไม่เช่นนั้น ทำไมร่างกายของมันจึงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อในขณะที่สภาพอากาศหนาวเยี่ยงนี้ ? ดูเหมือนว่ามันตัดสินใจได้ไม่เลวนัก หลิงเทียนรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดเด็กน้อยผู้นี้จึงต้องวิ่ง ? มันดูรีบร้อนเกินไปราวกับว่ามีหมาป่าที่หิวโหยวิ่งไล่ตามหลังมัน


ในขณะที่หลิงเทียนกำลังคิด ร่างของเด็กคนนั้นก็ลับหายไปแล้วโดยทิ้งคำสาปแช่งของคนที่เด็กคนนั้นได้ชนไปไว้เบื้องหลัง


หลังจากนั้น หลิงเทียนก็ได้ยินเสียงคนหลายสิบคนกำลังวิ่ง มันดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ต้องไล่ตามเด็กชายผู้นั้นอยู่เป็นแน่ , หลิงเทียนคิดกับตัวเอง . หลิงเทียนมองไปยังทิศทางที่เด็กหนุ่มผู้นั้นผ่านมาแล้วก็เห็นฝูงชนที่วิ่งมาราวกับคลื่นยักษ์ . หลิงเทียนขมวดคิ้วเพียงครู่เดียว จากนั้นความคิดต่างๆก็โผล่เข้ามาในหัว เขาเดินไปหาชายผู้ที่สาปแช่งเด็กคนนั้นก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของมัน ไอ้ขยะ ! เหตุใดเจ้าจึงอวดดีเช่นนี้ !?


หลังจากที่อยู่ดีๆก็โดนเตะ ชายผู้นั้นก็ขดตัวงออยู่บนพื้นทันทีราวกับกุ้งขณะที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวด ไอ้เด็กเปรต ! เจ้ากำลังมองหาที่ตาย ! ”


หลิงเทียนประเคนตีนเตะมันไปอีกครั้ง ไอ้ขยะเอ้ย , เจ้ากล้าด่านายน้อยผู้นี้ ?พูดจบหลิงเทียนก็เตะมันไปอีกครั้ง


ทุกคนที่อยู่บนถนนเส้นนี้พลันรู้สึกราวกับว่ามุมมองต่อโลกของพวกมันกว้างขึ้น นั่นก็เพราะว่าตอนนี้มีเด็กหนุ่มแต่งตัวดูเหมือนผู้ดีอายุดูแล้วไม่น่าจะถึงสิบปีกำลังกระทืบชายที่มีอายุมากกว่ายี่สิบปี ! ฝูงชนเริ่มเข้ามาดูเหตุการณ์แปลกๆนี้มากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มเส้นทางเดินเริ่มเบียดเสียด


ขณะที่คนรับใช้ทั้งสองเห็นว่าชายนักพนันคนนี้กล้าที่จะฉีกหน้านายน้อยของพวกเขา พวกเขาก็โกรธเป็นอย่างมาก ! พวกเขาก้าวไปหาชายนักพนันและตบไปที่ใบหน้าของมันโดยทันทีทำให้ฟันของชายนักพนันผู้นี้หลุดออกจากปากมันหลายซี่ เจ้ากล้าที่จะฉีกหน้านายน้อย ? เจ้าสมควรตาย ! ” หมัดของพวกเขากระหน่ำชกไปที่ชายนักพนันราวกับห่าฝน


นักพนันคนนั้นก็ตระหนักได้ทันที่เลยว่าคนที่เตะเขาอยู่ในชุดที่ดูหรูหราและดูเหมือนว่าเป็นเด็กจากตระกูลที่ร่ำรวย ในเวลานั้นเขาสามารถบอกได้เลยว่าเขาได้ล่วงเกินบุคคลที่ไม่สมควรจะล่วงเกินเข้าให้แล้ว จากนั้นเขาก็เริ่มยกมือกราบขอร้อง


เหล่าฝูงชนมองไปยังหลิงเทียนด้วยความรู้สึกหวาดกลัวในสายตา เด็กคนนี้เป็นคนของตระกูลใดกัน ? แล้วเหตุใดเขาจึงกดขี่ชายคนนั้น ?


เหล่าชายฉกรรจ์ในชุดดำซึ่งกำลังไล่ตามเด็กน้อยผู้นั้นพลันมองเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบนถนนทำให้เส้นทางนั้นติดขัด พวกมันช่วยไม่ได้ที่จะโกรธและตะโกนออกไป พวกเจ้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จงไสหัวไป , พวกเรามีเรื่องที่ต้องจัดการจากนั้นพวกมันก็เหยียดมือออกไปและผลักฝูงชนที่อยู่ของนอกไปด้านข้าง


หลิงเทียนหันไปทันที ใครกล้าหือกับข้า ?


คนรับใช้ของตระกูลหลิงทั้งสองนั้นมีนิสัยที่จองหองและชอบใช้ความรุนแรง พวกเขาก้าวออกจากฝูงชนก่อนจะกางแขนและยกจมูกขึ้นราวกับภาคภูมิใจ นายน้อยของตระกูลหลิงกำลังจัดการเรื่องบางอย่างอยู่ ใครกล้าที่จะรบกวนเขา ?ความหยิ่งผยองในโทนเสียงของพวกเขานี้เป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐยังไม่กล้าจะมี


เหล่าชายฉกรรจ์ในชุดดำพลันตกตะลึงและตระหนักได้ว่าพวกมันพลาดแล้ว พวกเขาเป็นคนจากคฤหาสน์ตระกูลหลิง ! แถมยังเป็นนายน้อยคนปัจจุบันของตระกูลหลิงอีกด้วย ! พวกเขารีบเสมองไปทางอื่นด้วยความลังเลใจทันที


แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ใครเล่าจะไม่รู้จักเรื่องของคนตระกูลหลิง ? ด้วยอำนาจที่ตระกูลหลิงมีนั้นไม่ใช่อะไรที่กลุ่มเล่นๆเช่นมพวกมันสามารถต่อกรได้ ดังนั้นพวกมันจึงรีบถอยกลับทันที




-------------------------------------




สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่าหลิงเทียนตะโกนอะไร 1949  ผมไปค้นหาในอากู๋มาว่ามันเป็นปีสุดท้ายที่สิ้นสุดของสงครามกลางเมืองภายในจีนระหว่างพรรคปกครองสาธารรัฐจีน กับ พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครับ รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ สงครามปลดปล่อยครับ ส่วนใครอยากรู้เพิ่มเติมก็ลองไปหาอ่านดูได้



เงินเหวินนั้นเป็นเหรียญกษาปณ์ที่ทำจากทองแดงผสม
 1000 เหวิน = 1 ก้วน [ มันจะมาเป็นพวง ] 1 ก้วน = 1 ตำลึงเงิน [ เอาตามนี้ไว้ก่อนแล้วกัน ] หากใครมีข้อมูลมากกว่านี้ก็แนะนำด้วยครับ