บทที่ 23 : แผนรบกวน




พอหลิงเทียนนั้นประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว เขาก็ยังไม่ได้ไปไหนไกล เขาหยิบเงินก้อนออกมาก้อนหนึ่งแล้วโยนไปที่นักพนันที่ถูกเขาเตะก่อนหน้านี้ หลังจากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและเดินไปเผชิญหน้ากับกลุ่มชายชุดดำอย่างช้าๆ เขากระแอมสองสามครั้งก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น เจ้าเป็นผู้ใดถึงกล้ามาทำตัวกร่างที่นี่ ?  นี่เจ้ายังเคารพกฎหมายบ้านเมืองอยู่หรือเปล่า ?


พอหลิงเทียนกล่าวจบ ทุกคนที่อยู่ที่นี่แทบจะหน้ามืด


เพราะเด็กน้อยผู้นี้เพิ่งจะเพิกเฉยต่อกฎและทำร้ายผู้คนโดยไม่มีเหตุผล แถมยังทุบตีจนกระทั่งฟันของชายนักพนันผู้นั้นหลุดล่วงออกจากปาก ถ้าหากคนชุดดำพวกนี้ไม่เข้ามาแล้วล่ะก็ ชายนักพนันผู้นั้นคงจะต้องตายในมือของเขาไปแล้วแต่ตอนนี้เขากลับทำว่าตัวเองนั้นบริสุทธิ์แถมยังมีหน้ามาถามว่าพวกเขาเห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาอีกหรือไม่ !


ใบหน้าของพวกชายในชุดดำนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แต่เขาไม่กล้าที่จะขัดใจหลิงเทียน แม้ว่าเขาอยากจะตบหน้าเด็กคนนี้สักทีสองทีก็ตาม แต่เบื้องหลังของหลิงเทียนนั้นต้องไม่ยอมอนุญาตให้เขาทำแบบนั้นแน่ ดังนั้น เขาจึงทำได้แค่ป้องมือแสดงความเคารพก่อนจะพูด รายงานนายน้อยหลิง พวกเรานั้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตึกกุหลาบโลหิต พวกเราได้รับคำสั่งให้ออกจากเมืองเพื่อจัดการเรื่องบางอย่างและพวกเราก็ไม่รู้ว่านายน้อยอยู่ที่นี่และเผลอไปทำลายความสนุกของท่าน ผู้น้อยต้องขออภัยสำหรับเรื่องนี้


หลิงเทียนพลันอุทานออกมาโอ้และแสร้งทำเป็นว่าเขาสนใจ พวกเจ้ากำลังจะไปทำอะไร ? ไหนลองบอกนายน้อยผู้นี้สิ


ชายชุดดำผู้นี้แทบอยากจะบ้าก่อนจะคิดกับตัวเอง ; ไอ้เด็กเวรนี่ ! ข้าไม่รู้จะทำเยี่ยงไรแล้ว ; เขาทำได้เพียงเผยสีหน้าที่ดูลำบากใจออกมาเท่านั้น ข้าหวังว่านายน้อยจะเข้าใจ เรื่องนี้เป็นความลับของตึกกุหลาบโลหิตและผู้น้อยไม่สามารถแพร่งพรายได้


หลิงเทียนหัวเราะเบาๆ เจ้ากำลังหมายความว่าเจ้าจะไม่บอกข้า ?


เหงื่อเริ่มหยุดลงบนหน้าผากของชายชุดดำคนนี้ก่อนจะตอบไปว่า มันไม่ใช่เช่นนั้นแต่เป็นเพราะข้าไม่สามารถบอกได้ ข้าเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น สถานะของข้านั้นค่อนข้างต่ำ . เกี่ยวกับเรื่องนี้… ”


หลิงเทียนพลันหัวเราะอีกครั้งขณะที่ใบหน้าของเขานั้นดูเป็นกันเองขึ้นก่อนจะเอ่ยอย่างใจกว้าง ในเมื่อมันไม่สะดวกที่พวกเจ้าจะบอกกล่าวแก่ข้า เช่นนั้นก็ลืมมันไปซะเถอะ นายน้อยผู้นี้ไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นสักเท่าไร เอาล่ะ จงไปและทำงานของพวกเจ้าเถอะ นายน้อยผู้นี้จะไม่ถ่วงเวลาพวกเจ้า


เหล่าชายในชุดดำนั้นสาปแช่งหลิงเทียนอยู่ในใจ ; มารดามันสิ ! นี่หรือที่เรียกว่าไม่อยากรู้อยากเห็น ! นี่หรือที่เรียกว่าไม่ถ่วงเวลาเรา ! แล้วตอนที่เจ้าหยุดพวกเราเล่าใครจะรู้ว่าเจ้าจะเป็นตัวบัดซบเช่นนี้ ! ; แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีที่ไม่พอใจใดๆออกมาก่อนจะตอบกลับอย่างสุภาพ ขอบคุณมากนายน้อย เช่นนั้นพวกเราขอตัว ! ”


หลิงเทียนเพียงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เหล่าชายชุดดำก็วิ่งผ่านฝูงชนและดำเนินการไล่ล่าต่อไป


หลิงเทียนช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ หลังจากที่เขาหยุดตั้งใจชะลอเวลาของพวกมัน ทุกคนที่มีประสบการณ์เพียงเล็กน้อยก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตามไปจับเด็กคนก่อนหน้ากลับมาได้อีกครั้ง ! แต่พวกมันก็เลือกที่จะยังไม่ยอมแพ้และยังคงตามล่าต่อไป ! เพราะเด็กชายผู้ที่พวกเขากำลังตามจับกลับมานั้นเห็นได้ชัดว่าอายุเพียงเจ็ดถึงแปดปีเท่านั้น !


หลิงเทียนพลันลูบคางเบาๆก่อนจะคิดกับตัวเอง อย่าบอกข้าว่ามีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น ?หลิงเทียนเริ่มรู้สึกอยากรู้อยากเห็น


ครู่ต่อมา หลิงเทียนช่วยไม่ได้ที่จะบ่นกับตัวเองในความโง่เขลา ! ขณะนี้หิมะนั้นตกหนักมาก มันไม่สำคัญเลยว่าเด็กชายผู้นั้นจะไม่สามารถออกจากเมืองไปได้ แต่ถึงเขาสามารถออกจากเมือง เพียงแค่รอยเท้าที่ปรากฏบนพื้นก็เพียงพอแล้วที่จะค้นหาเขา !


หลิงเทียนรู้สึกสนใจในตัวเด็กชายที่วิ่งหนีเพราะเหตุผลเดียว : เพราะใบหน้าที่ดูเด็ดเดี่ยวในขณะที่มันกัดฟันหนี นอกจากนั้น มันเป็นเพราะการควบคุมการเคลื่อนไหวของทุกส่วนของร่างกายได้ดีเมื่อตอนที่มันได้แสดงให้หลิงเทียนได้เห็นในตอนที่มันหลบหนี การหลบหนีที่ดูสิ้นหวังของมันนั้นได้ย้ำเตือนความรู้สึกหมดหวังที่หลิงเทียนเคยเผชิญในชาติก่อน


หลังจากยืนคิดอยู่พักหนึ่ง , หลิงเทียนก็ตัดสินใจที่จะไปดู เขาหันหลังกับมามองที่คนรับใช้ทั้งสองคนที่ตามเขามาก่อนจะพูด พวกเจ้าทั้งสองกลับไปก่อน ถ้าท่านปู่ถามหาข้าก็บอกไปว่าเดี๋ยวข้าจะกลับไปเองทีหลัง


คนรับใช้ทั้งสองนั้นรู้สึกตกใจก่อนจะพูด นายน้อยได้โปรด  , พวกข้าไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้น ได้โปรดพาพวกข้าไปด้วย


สายตาของหลิงเทียนพลันหดลง ตั้งแต่ที่ข้าบอกให้พวกเจ้ากลับไป พวกเจ้าทั้งสองก็ต้องกลับ. ทำไม ? เจ้าไม่ต้องการฟังคำสั่งข้า ?ความเย็นชาในน้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยคำขู่


ทั้งสองนั้นตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ! ถ้าหากพวกเขาไม่ฟังคำสั่งของหลิงเทียน , นายน้อยผู้นี้จะต้องโกรธมาก หลิงเทียนนั้นเป็นคนที่กล้าแม้กระทั่งทุบตีหลิงเฉิน ผู้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของตนเอง ; ถ้าหากพวกเขาไม่ฟังคำสั่งนายน้อยผู้นี้แล้วล่ะก็ , พวกเขาแน่นอนว่าอาจจะพบจุดจบที่เลวร้ายยิ่งกว่าหลิงเฉิน . แต่ถ้าพวกเขาทั้งสองกลับไปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับหลิงเทียนล่ะก็ ต่อให้พวกเขามีร้อยชีวิตก็คงไม่เพียงพอ !


ทั้งคู่มองหน้ากันและกันก่อนจะพูดอย่างแน่วแน่ นายน้อย พวกเรายินดีที่จะยอมรับการลงโทษจากท่าน แต่พวกเราจะไม่กลับไปโดยไม่มีท่าน . ได้โปรดอภัยให้พวกเราด้วยนายน้อย


หลิงเทียนพูดไม่ออก เมื่อมองไปที่ตัวเองที่ร่างกายยังอายุเพียงห้าปี เขาก็เข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้พวกมันกลับไปด้วยตัวเอง . ‘ ไม่มีทางเลือก ’ , เขาทำได้เพียงแค่พูด ก็ได้ เช่นนั้นก็ตามข้ามาถ้าพวกเจ้าต้องการ แต่ข้าต้องบอกพวกเจ้าให้ชัดเจนก่อนอันดับแรก ถ้าพวกเจ้าไม่สามารถตามข้าได้ทัน เช่นนั้นก็ไปหาที่อยู่ที่ใกล้กับประตูคฤหาสน์และรอข้ากลับมา


ทั้งสองคนเห็นด้วยทันที


หลังจากนั้นไม่นาน คนรับใช้ทั้งสองใช้มือทั้งสองข้างยันเข่าเพื่อไม่ให้ล้มลงและหอบอย่างหนัก ใบหน้าของพวกเขานั้นแดงซ่านและเต็มไปด้วยความอ่อนล้า ฝั่งของหลิงเทียน เขานั้นหายไปจากระยะสายตาของทั้งสองไปเรียบร้อยแล้ว มองไปยังฝูงชนที่ดูคึกคักเบื้องหน้าของพวกเขา พวกเขาทั้งสองไม่สามารถช่วยได้ที่จะรู้สึกสูญเสีย หนึ่งในพวกเขาพักฟื้นจนหายเหนื่อยและค่อยๆหายใจอย่างช้าๆ เขาพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ ข้าขอพูดนะพี่สอง นายน้อยของพวกเรานั้นแปลกมาก


คนรับใช้อีกคนหนึ่งก็ใช้มือปาดเหงื่อก่อนจะพูด เห็นด้วย ข้าไม่เคยเจอเด็กอายุห้าปีที่วิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่ายที่ไหนมาก่อนเลย ช่วยไม่ได้แล้วล่ะ นายน้อยวิ่งตรงไปทางประตูเมือง เช่นนั้นพวกเราก็ไปรอเขาอยู่ที่นั่น


หลิงเทียนหลีกเลี่ยงผ่านฝูงชนราวกับว่าเขากำลังเดินเล่น ด้วยร่างเล็กๆของเขา เขาสามารถวิ่งผ่านไปอย่างง่ายดายโดยที่ไม่เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย


ในด้านหน้ามองเห็นเหล่าชายฉกรรจ์ในชุดดำ พวกเขาอยู่ที่ประตูเมืองและรอที่จะออกไป มันดูเหมือนว่าเด็กชายคนนั้นได้ออกจากเมืองไปแล้วจริงๆ . หลิงเทียนคิดเช่นนั้น


หลิงเทียนรู้สึกผิดหวัง ; ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ มันคล้ายกับว่าเขากำลังหาที่ตายถ้าหากว่าเขาออกจากเมืองไป ! ด้วยสติปัญญาของเขา หลิงเทียนรู้ว่าเขาเริ่มหัวร้อน


เจ้าเด็กนั่น ! นี่มันคุ้มค่ากับการพยายามของข้าหรือไม่ ?


หลิงเทียนส่ายหัวเบาๆ ; ตั้งแต่ที่ข้าเริ่มเรื่องแล้ว ข้าก็ต้องไปต่อให้จบ ด้วยส่วนตัวของหลิงเทียนนั้นเขาไม่ใช่คนที่ทำอะไรครึ่งๆกลางๆและยอมแพ้อะไรง่ายๆ พอคิดเรื่องนี้ หลิงเทียนเดินต่อไปยังประตูเมือง


มองไปที่ชุดที่ดูหรูหราของหลิงเทียนและกลิ่นอายที่หยิ่งยโสราวกับลูกคุณหนู ยามที่เฝ้าประตูเมืองนั้นเลยไม่กล้าที่จะหยุดเขาและปล่อยเขาออกไปทันที


หลังจากที่ออกจากเมืองแล้ว เขาก็เห็นท้องทะเลที่ขาวเบื้องหน้า [ TL : ทะเลหิมะ ]


จุดสีดำหลายจุดวิ่งไปในเส้นทางเดียวกัน พวกเขาเป็นชายฉกรรจ์ในชุดดำนั่นเอง ในทิศทางนั้นมันดูเหมือนว่ามีควันลอยขึ้นมาจากที่ไกลและมีป่าอยู่ในเส้นทางข้างหน้า


เมื่อหลิงเทียนมองไปยังขอบฟ้า เขาถามกับตัวเอง ถ้าหากข้าถูกไล่ล่า ข้าจะเลือกเส้นทางที่สามารถเข้าออกได้ง่ายเช่นนั้นหรือ ?คำตอบมันแน่นอนอยู่แล้ว : คือไม่ !


หลิงเทียนได้สังเกตรอยเท้ามากมายตั้งแต่ออกมาจากประตูเมืองอย่างรอบคอบและตระหนักได้ว่า จำนวนรอยเท้าในทุกทิศทางนั้นมีขนาดเท่าๆกันแต่กลับปราศจากรอยเท้าที่ของเด็ก


หลิงเทียนคิดอยู่สักพักก่อนจะเดินไปเบื้องหน้า จากนั้น ด้วยตำแหน่งที่เขายืนอยู่เขาหันหัวไปมองรอบๆเพื่อดูสภาพแวดล้อมเบื้องหน้า หลังจากที่เขาเดินมาถึงที่นี่รอยเท้าจากประตูก็กระจัดกระจายอย่างชัดเจนมากกว่าที่ก่อนหน้านี้ ขณะที่หลิงเทียนมองไปใกล้ๆ เขาก็ยังไม่สามารถหารอยเท้าเล็กๆได้เลย


หลิงเทียนหัวเราะอยู่ในใจ . เจ้าเด็กคนนี้น่าสนใจยิ่ง !