บทที่ 20 : บทสนทนายามค่ำคืน [ R 18+ นิดๆ ]


ขณะที่หลิงคงและบุตรชายของเขาหลิงเฉินกำลังหลงอยู่ในภาพมายาที่พวกมันสร้างขึ้น ขณะที่พวกมันกำลังมีความสุขกับความฝันของพวกมันอยู่นั้น ก็ปรากฏเงาสีดำเคลื่อนผ่านหลังคาที่สองบิดาและบุตรกำลังพูดคุยกันอยู่ คล้ายกับการเคลื่อนผ่านของเมฆและหายตัวไปอย่างรวดเร็วด้วยความเงียบสงัด


ในคืนเดียวกันนี้ บทสนทนาลับอีกแห่งนั้นอยู่ที่ห้องของบิดามารดาของหลิงเทียน


ชูถิงเอ๋อร์ซุกตัวอยู่บนหน้าอกของสามีที่กำลังโอบกอดนางไว้ ใบหน้าอันแสนงดงามของนางนั้นเต็มไปด้วยหยดเหงื่อในขณะที่นางทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ เซียวเก้อ เจ้าคิดอย่างไรกับการกระทำของเทียนเอ๋อในวันนี้ ? ” [1]


หลิงเซียวนอนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงราวกับถูกสร้างมาจากหินแกรนิต หลังจากที่ออกกำลังกาย เสร็จเรียบร้อย เขาก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างสบายตัวลงบนเตียงด้วยสายตาที่ค่อยๆแคบลงด้วยความอ่อนล้าดูราวกับว่าจิตวิญญาณของเขากำลังล่องลอยออกไป อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำถามจากภริยาของตน เขาก็จองมองไปที่นางอย่างเห็นใจก่อนจะพูดออกมาด้วยความโกรธ เจ้าเด็กบ้านั่นเขาประพฤติตัวราวกับเป็นอันธพาลและไม่มีวินัยในวันนี้ แถมยังกระทำเกินกว่าเหตุ ข้าจะต้องมอบบทเรียนให้มันในวันพรุ่งนี้ ! ”


ชูถิงเอ๋อร์เพียงหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเขี่ยนิ้วของนางเป็นรูปวงกลมไปมาบนหน้าอกของสามีขณะที่นางพูด เจ้านี่มักจะโง่เสมอเลยนะ นี่เจ้าไม่เห็นท่าทีของเทียนเอ๋อและวิธีการพูดของเขาที่ฉลาดเกินกว่าเด็กปกติพูดหรือไร ? ตอนที่มองครั้งแรก เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อาจจะดูเหมือนว่าเป็นเพราะอารมณ์โกรธของหลิงเทียน แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กตัวน้อยนี่กลับสามารถบิดเบือนความจริง กลับหัวเป็นหางจนกลายเป็นว่าตัวมันเองเป็นฝ่ายถูกย่ำยี เจ้าไม่คิดว่ามันไม่แปลกไปหน่อยรึ ?


คิ้วของหลิงเซียวพลันขมวดกันแน่น เมื่อเขาลองคิดอย่างรอบคอบดูอีกทีก่อนจะตระหนักได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ นั่นก็จริง เขาเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอายุห้าปี ; แล้วเหตุใดจึงสามารถพูดจาได้อย่างฉะฉานเช่นนั้น ? ราวกับว่าเขาสามารถจัดการหุบปากสมาชิกของตระกูลแถมยังควบคุมปรมาจารย์ฉินและยังดูเหมือนว่าจะทำให้พวกเราทุกคนที่อยู่ที่นั่นเต้นอยู่บนฝ่ามือของเขา ดูเหมือนว่าลูกของเราจะเป็นสุดยอดอัจฉริยะนะ ! ”


ใบหน้าของชูถิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความภูมิใจ แน่นอน บุตรชายของข้าจะเป็นเพียงคนสามัญในรุ่นนี้ได้เยี่ยงไร ?


มุมปากของหลิงเซียวยกขึ้นก่อนจะยิ้มออกมาแบบแปลกๆ มือทั้งสองของเขาค่อยๆเคลื่อนเข้าไปภายในผ้าห่มอย่างซุกซน ทันใดนั้นเขาก็คว้าหมับเข้าไปที่ภูเขาทั้งสองลูกที่แสนงดงามของชูถิงเอ๋อร์ที่ยื่นออกมาก่อนจะลงมือบีบเค้นมันเบาๆ เสียงลมหายใจหอบของชูถิงเอ๋อร์ดังมาเป็นระยะกระตุ้นให้หลิงเซียวขยำมันอีกครั้งก่อนจะพูดอย่างกระปรี้กระเปร่า บุตรชายของเจ้า ? แล้วไม่ใช่ของข้ารึไร หรือว่าเจ้าอยากท้องอีกครั้ง ? หืมม ? ” [ TL : พ่อแม่งขี้เงี่จังวะ ]


เสียงครางเริ่มดังขึ้น ชูถิงเอ๋อร์พลันรู้สึกสูญเสียพลังในร่างไปทั้งหมด ตาของนางเริ่มเบลอขณะที่นางเริ่มหอบหายใจแรงขึ้นก่อนจะพูด เจ้าคนเลว ! ขณะที่ข้ากำลังพูดเรื่องสำคัญ แต่เจ้ากลับกระทำสกปรกเช่นนะ...อะ..อีย๊า~.. ” ในเวลานี้มือหนึ่งของหลิงเซียนนั้นค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่งและเริ่มสำรวจเส้นทางด้านล่าง ทั่วทั้งร่างกายของชูถิงเอ๋อร์เริ่มสั่นระริกและใบหน้าของนางนั้นแดงซ่านเต็มไปด้วยความอับอายก่อนจะซุกหน้าแนบกับอ้อมกอดของสามี


หลิงเซียนหัวเราะเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูด แล้วเรื่องนี้ไม่สำคัญเช่นนั้นหรือ ? จากนั้นเขาก็พลิกร่างขึ้นด้านบน


ครู่ต่อมา ชูถิงเอ๋อร์ก็ถอนลมหายใจ ก่อนจะใช้มือบางๆเกลี่ยเส้นผมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อบนหน้าผากไปด้านหลัง แม้ว่าใบหน้าของนางนั้นจะแดงซ่าน แต่มุมปากของนางก็ยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนสุข ก่อนจะใช้ขารัดสามีและออดอ้อนราวกับลูกแมว เซียวเก้อ , ถิงเอ๋อร์สามารถตายได้จากความสำราญ… ”


อย่างไรก็ตามหลิงเซียวพลันทิ้งตัวลงคล้ายกับเป็นอัมพาตราวกับกองโคลนที่อ่อนยวบและถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เจ้าสามารถตายได้เพราะความสุข แต่ข้าจะตายเพราะความเมื่อยล้าข้าแทบจะสูญเสียแรงทั้งหมดไปจากคราก่อนหน้านี้แม่เสือสาวของข้า , เจ้านี่มันช่างเป็นสตรีที่มีเสน่ห์ยิ่งนัก… ”


น่ารังเกียจนัก ! ” ชูถิงเอ๋อร์ทุบอกของหลิงเซียวด้วยความอายและโกรธเคืองแต่ก็รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ สายตาของนางเริ่มเบลอเพราะความอ่อนโยนและความรักราวกับน้ำตากำลังจะไหลออกมา


อ่าห์… ” เมื่อเห็นรูปลักษณ์อันเย้ายวนใจบนใบหน้าของสตรีของเขา หลิงเซียนแทบจะอยากกลายร่างเป็นหมาป่าผู้หิวโหยอีกครั้ง


จริงจังหน่อยสิ ! ข้ากำลังพูดกับเจ้าเกี่ยวกับเทียนเอ๋อนะ ! ” ชูถิงเอ๋อร์รู้ว่าสามีของนางนั้นไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของนางได้ นางจึงรีบซ่อนตัวภายใต้ผ้าห่ม มีเพียงแค่หัวเล็กๆของนางเท่านั้นที่โผล่ออกมา


ฮึ่มม, ดูเหมือนว่าการกระทำของเทียนเอ๋อในวันนี้จะเกินความคาดหมายของข้าไปมากหลิงเซียมพึมพัมอย่างไม่ใคร่สนใจนัก


แน่นอนว่าการกระทำของเทียนเอ๋อในวันนี้ แม้ว่าข้าจะเป็นมารดาของเขา ข้าก็ยังประหลาดใจและตกใจมาก สติปัญญาของเทียนเอ๋อนั้นได้เกินกว่าที่ข้าคิดนักชูถิงเอ๋อร์เผยสีหน้ากังวลและเป็นห่วงออกมา


หืม? มีควรจะเป็นเรื่องที่ดีสิที่เทียนเอ๋อนั้นฉลาดและมีไหวพริบ แล้วเจ้ากำลังกังวลอะไรอีก ? หลิงเซียนมองแปลกๆไปที่ภรรยาของตน


ใบหน้าของชูถิงเอ๋อร์เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยในขณะที่นางกำลังครุ่นคิด เซียวเก้อ เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าเทียนเอ๋อในวันนี้นั้นฉลาดและเจ้าเล่ห์เกินไป ? ถ้าหากลูกนั้นฉลาด คนเป็นแม่เช่นข้าย่อมต้องมีความสุข แต่ถ้าหากเขานั้นฉลาดเกินไป มันคงง่ายหากเขานั้นเดินไปในทางที่ผิด ; นอกจากนี้ ยิ่งสติปัญญาสูงเท่าไรนั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ง่ายที่จะลงโทษหรือทำอะไรเขา เจ้าไม่รู้สึกเช่นนั้นรึ ?


หลิงเซียนพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง เหตุใดเจ้าจึงต้องกลัวปัญหามากมายเช่นนั้น ? ฮี่ฮี่ ท่ามกลายบรรพบุรุษของตระกูลหลิงรวมไปถึงท่านพ่อและข้าล้วนแต่เป็นบุคคลที่กล้าหาญและกักขฬะ ไม่เคยมีนักยุทธศาสตร์หรือนักปราชญ์ปรากฏขึ้นเลยในตระกูลหลิง [ TL : ถึงว่าตระกูลมันถึงไม่รู้ถึงอันตราย มีแต่กำลัง… ] แต่ในที่สุดตอนนี้เราก็ได้มีอัจฉริยะในตระกูลหลิง ถิงเอ๋อ นี่อาจจะกล่าวได้ว่าทั้งหมดเป็นผลงานของเจ้า ! ” ขณะที่เขาพูด ดวงตาของหลิงเซียนก็เริ่มแสดงออกให้เห็นถึงความต้องการและตัณหาที่อยู่ภายใน มือทั้งสองของเขาก็เต็มไปด้วยตัณหาและเริ่มก่อกวนทั้งช่วงบนและช่วงล่างของอิสตรีข้างกาย


ชูถิงเอ๋อร์จ้องมองไปที่สามีของนางอย่างไม่เต็มใจ ครึ่งหนึ่งนางก็ต้องการหัวเราะแต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องการที่จะโกรธ นางถอนหายใจก่อนจะดีดนิ้วไปที่หน้าผากของสามีก่อนจะพูดนี่เจ้าการพูดกับเจ้านี่ราวกับว่าข้ากำลังบรรเลงพิณให้วัวฟัง ! ” [2]


หลิงเซียวแอบขำขณะที่ร่างอันกำยำของเขาพลิกตัวมาอยู่ด้านบนอีกครั้ง ชูถิงเอ๋อร์นั้นก็พยายามเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้มือที่เต็มไปด้วยราคะของหลิงเซียวนั้นรุกรานส่วนล่างของนาง ดะ เดี๋ยวอ๊ะ เดี๋ยว อย่าเพิ่ง , ข้า อ๊า..ยังพูดไม่จบถ้าหากหลิงเทียนฉลาดแบบนั้น ท่านพ่อแน่นอนว่าจะต้องหาปรมาจารย์หลายท่านมาเพื่อสั่งสอนเขาแน่ๆและข้าก็กังวลว่าเขาจะเบื่อหน่ายอู้ว!...เจ้า..เจ้าคนนิสัยไม่ดี! ”


ขณะที่หลิงเซียวนั้นได้ล้วงเข้าไปสู่ จุดสำคัญ ’ , เขาก็กระซิบข้างหูนางเบาๆ ไม่ต้องห่วง วันพรุ่งนี้ข้าจะพูดกับท่านพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ , เฮะๆๆโว้วววน้ำเต็มเลยนี่ … ” สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้พลันเปลี่ยนให้ห้องที่หนาวเย็นกลายเป็นเร่าร้อนดั่งฤดูใบไม้ผลิ


ขณะที่หลิงเทียนออกมาจากเส้นทางลับใต้ดินในห้องนอนของเขาอย่างเงียบๆ เขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะทุกๆคืนในเวลาประมาณนี้มารดาของเขามักจะฝ่าลมหนาวและลมฝนเพื่อมาดูเขาในห้องนี้ ; ทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นท่านแม่กัน ?


หากพูดถึงเรื่องของความรักของบิดามารดา หลิงเทียนรู้ซึ้งและทรมานมาหลายครั้งก็เพราะมัน เมื่อตอนก่อนที่เขาจะอายุสามปี ทั้งสองคนนั้นปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าเขาเป็นเพียงทารกธรรมดาๆคนหนึ่ง พวกเขาจึงไม่รอบคอบและกระทำเรื่องแบบนั้น โดยไม่สนใจเขาที่นอนอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นทุกๆคืนจึงกลายเป็นความทรมานของหลิงเทียน เพราะว่าเขานั้นยังอยู่ในร่างของทารกเขาจึงไม่สามารถเปล่งเสียงและแสดงความคิดของตนออกไปได้


มองเห็นบิดามารดาบรรเลงเพลงรักกันโดยไม่สนใจตัวเขาที่อยู่ข้างๆ หลิงเทียนก็รู้สึกหดหู่จนถึงจุดที่อยากจะตาย ! ; โอ้พระเจ้า , ข้าเป็นคนที่มีชีวิตมาสองครั้งและอายุยี่สิบกว่าๆแล้วทำไมข้าถึงยังบริสุทธิ์ ! ; ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาตื่นพวกเขาดูเหมือนจะมีชีวิตชีวามาก กลับกันหลิงเทียนนั้นมักจะรู้สึกง่วงเหงาและอ่อนแรง เขามักจะกังวลอยู่เสมอว่าเขานั้นจะตายเพราะเลือดกำเดาไหลหรือไม่ก็หัวใจวายตาย


เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งถึงเมื่อตอนที่หลิงเทียนฉลองวันเกิดครบสี่ปี เมื่อเขาถูกถามว่าต้องการของขวัญอะไรในวันเกิดปีนี้ เขาก็เลือกที่จะขอนอนหลับโดยไม่ต้องพึ่งพาบิดามารดาโดยที่แทบจะไม่ต้องคิด แถมเขายังเลือกจุดที่ห่างไกลจากตึกของบิดามารดาหลายไมล์เพื่อให้แน่ใจว่าห้องของเขานั้นจะอยู่ห่างจากห้องของบิดามารดา แม้จะมีเสียงคัดค้านแต่เขาก็ยังยืนยันด้วยความเด็ดเดี่ยว ด้วยเหตุนี้คนในตระกูลของเขาจึงทำได้เพียงยอมรับคำขอและให้เขาเลือกพี่เลี้ยงและสาวใช้ตามที่เขาต้องการ จากนั้นเป็นต้นมา หลังจากที่สามารถนอนหลับได้ด้วยตัวเอง หลิงเทียนก็แข็งแรงขึ้นอย่างกะทันหัน นั่นจึงทำให้ทั้งตระกูลของเขาประหลาดใจแต่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา ภายใต้การเรียกร้องของหลิงเทียน พวกเขายังจำเป็นต้องอนุญาตให้เขาผลักดันพี่เลี้ยงออกจากห้องของนายน้อยหนุ่มที่มีนิสัยแปลกๆผู้นี้อีกด้วย


นี่มันก็แน่นอน : พอปราศจากการที่ต้องฟังและเห็นการร่วมรักอย่างน้อยสามครั้งต่อคืน หลิงเทียนก็รู้สึกดีขึ้นมากทั้งร่างกายและจิตใจ ! ขณะที่หลิงเทียนกำลังแอบดีใจอยู่ลึกๆ เขาก็แอบเกรงขามในความมโหฬารของบิดาของตน เมื่อเขาตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่มีใครมองอยู่รอบๆ เขาก็แอบเปิดกางเกงและตรวจสอบหลิงเทียนน้อยของเขาและดูเหมือนว่าเขาจะสืบทอดเจตนารมณ์นี้มาด้วยเมื่อใดก็ตามที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น [ TL : เปิดดูกางเกง ] เสียงหัวเราะอันพิลึกกึกกือและฟังดูบ้ากามก็จะดังออกมาจากห้องที่หลิงเทียนอยู่เสมอและมักจะสร้างความรู้สึกขนลุกไปถึงกระดูกให้กับเหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆห้องของเขาและบังเอิญได้ยินมัน


การตัดสินใจของหลิงเทียนนั้นทำให้มารดาของเขา , ชูถิงเอ๋อร์รู้สึกเสียใจและหมดแรงมาก นางมักจะเต็มไปด้วยความกังวลและเข้ามาหาและตรวจสอบหลิงเทียนทุกๆวันจึงส่งผลให้หลิงเซียวอดสนองตัณหาของเขาไประยะหนึ่งเลยที่เดียว ดังนั้นเขาจึงมักจะทำหน้ามุ่ยทุกครั้งเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นบุตรชายของตน


หลิงเทียนรู้สึกสงบ ; ไม่ว่าอะไรก็ตาม นี่ก็ดีกว่าการที่ต้องดูหนังสดในทุกๆคืน,ใช่ไหมล่ะ? นอกจากนี้ หลิงเทียนชอบมองไปที่บิดาของตนด้วยความเหยียดหยาม นั่นก็เพราะบิดาของเขารู้จักใช้เพียงแค่ไม่กี่ท่วงท่า , ช่างไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาซะเลย… [ TL : ยิ้มเหยียด ขำ 555+ ]


เนื่องจากมารดาของเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อตรวจดูเขาจนกระทั่งตอนนี้ หลิงเทียนก็รู้ได้ล่วงหน้าเลยว่าวันนี้มารดาของเขาจะไม่มา เหตุผลก็คือก๊ะๆๆๆ , พระพุทธเจ้าตรัสว่าบางสิ่งบางอย่างก็ไม่ควรพูดจะดีที่สุด [ TL : อย่าดราม่าศาสนาล่ะแปลตามengมาเลย the Buddha ]


[1] เสี่ยวเก้อนั้นเป็นการเรียกแบบสนิทสนมของชูถิงเอ๋อร์ที่เอาไว้เรียนหลิกเซียว , ถ้าแปลตรงตัวมันจะหมายความว่าพี่ชายเซียว


[2] ‘สีซอให้ควายฟังของไทยเรานี่เองฮะ