ขณะที่หลิงคงและบุตรชายของเขาหลิงเฉินกำลังหลงอยู่ในภาพมายาที่พวกมันสร้างขึ้น
ขณะที่พวกมันกำลังมีความสุขกับความฝันของพวกมันอยู่นั้น ก็ปรากฏเงาสีดำเคลื่อนผ่านหลังคาที่สองบิดาและบุตรกำลังพูดคุยกันอยู่
คล้ายกับการเคลื่อนผ่านของเมฆและหายตัวไปอย่างรวดเร็วด้วยความเงียบสงัด
ในคืนเดียวกันนี้
บทสนทนาลับอีกแห่งนั้นอยู่ที่ห้องของบิดามารดาของหลิงเทียน
ชูถิงเอ๋อร์ซุกตัวอยู่บนหน้าอกของสามีที่กำลังโอบกอดนางไว้
ใบหน้าอันแสนงดงามของนางนั้นเต็มไปด้วยหยดเหงื่อในขณะที่นางทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
“เซียวเก้อ
เจ้าคิดอย่างไรกับการกระทำของเทียนเอ๋อในวันนี้ ? ” [1]
หลิงเซียวนอนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงราวกับถูกสร้างมาจากหินแกรนิต
หลังจากที่ “ออกกำลังกาย”
เสร็จเรียบร้อย
เขาก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างสบายตัวลงบนเตียงด้วยสายตาที่ค่อยๆแคบลงด้วยความอ่อนล้าดูราวกับว่าจิตวิญญาณของเขากำลังล่องลอยออกไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำถามจากภริยาของตน
เขาก็จองมองไปที่นางอย่างเห็นใจก่อนจะพูดออกมาด้วยความโกรธ “
เจ้าเด็กบ้านั่น…เขาประพฤติตัวราวกับเป็นอันธพาลและไม่มีวินัยในวันนี้
แถมยังกระทำเกินกว่าเหตุ ข้าจะต้องมอบบทเรียนให้มันในวันพรุ่งนี้ ! ”
ชูถิงเอ๋อร์เพียงหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเขี่ยนิ้วของนางเป็นรูปวงกลมไปมาบนหน้าอกของสามีขณะที่นางพูด
“ เจ้านี่มักจะโง่เสมอเลยนะ
นี่เจ้าไม่เห็นท่าทีของเทียนเอ๋อและวิธีการพูดของเขาที่ฉลาดเกินกว่าเด็กปกติพูดหรือไร
? ตอนที่มองครั้งแรก
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อาจจะดูเหมือนว่าเป็นเพราะอารมณ์โกรธของหลิงเทียน
แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กตัวน้อยนี่กลับสามารถบิดเบือนความจริง กลับหัวเป็นหางจนกลายเป็นว่าตัวมันเองเป็นฝ่ายถูกย่ำยี
เจ้าไม่คิดว่ามันไม่แปลกไปหน่อยรึ ? ”
คิ้วของหลิงเซียวพลันขมวดกันแน่น
เมื่อเขาลองคิดอย่างรอบคอบดูอีกทีก่อนจะตระหนักได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ “ นั่นก็จริง เขาเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอายุห้าปี
; แล้วเหตุใดจึงสามารถพูดจาได้อย่างฉะฉานเช่นนั้น ?
ราวกับว่าเขาสามารถจัดการหุบปากสมาชิกของตระกูลแถมยังควบคุมปรมาจารย์ฉินและยังดูเหมือนว่าจะทำให้พวกเราทุกคนที่อยู่ที่นั่นเต้นอยู่บนฝ่ามือของเขา
ดูเหมือนว่าลูกของเราจะเป็นสุดยอดอัจฉริยะนะ ! ”
ใบหน้าของชูถิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยความภูมิใจ
“ แน่นอน บุตรชายของข้าจะเป็นเพียงคนสามัญในรุ่นนี้ได้เยี่ยงไร
? ”
มุมปากของหลิงเซียวยกขึ้นก่อนจะยิ้มออกมาแบบแปลกๆ
มือทั้งสองของเขาค่อยๆเคลื่อนเข้าไปภายในผ้าห่มอย่างซุกซน
ทันใดนั้นเขาก็คว้าหมับเข้าไปที่ภูเขาทั้งสองลูกที่แสนงดงามของชูถิงเอ๋อร์ที่ยื่นออกมาก่อนจะลงมือบีบเค้นมันเบาๆ
เสียงลมหายใจหอบของชูถิงเอ๋อร์ดังมาเป็นระยะกระตุ้นให้หลิงเซียวขยำมันอีกครั้งก่อนจะพูดอย่างกระปรี้กระเปร่า
“ บุตรชายของเจ้า ? แล้วไม่ใช่ของข้ารึไร
… หรือว่าเจ้าอยากท้องอีกครั้ง ? หืมม ? ” [ TL : พ่อแม่งขี้เงี่…จังวะ ]
เสียงครางเริ่มดังขึ้น
ชูถิงเอ๋อร์พลันรู้สึกสูญเสียพลังในร่างไปทั้งหมด ตาของนางเริ่มเบลอขณะที่นางเริ่มหอบหายใจแรงขึ้นก่อนจะพูด
“ เจ้าคนเลว ! ขณะที่ข้ากำลังพูดเรื่องสำคัญ
แต่เจ้ากลับกระทำสกปรกเช่นนะ...อะ..อีย๊า~..
” ในเวลานี้มือหนึ่งของหลิงเซียนนั้นค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่งและเริ่มสำรวจเส้นทางด้านล่าง
ทั่วทั้งร่างกายของชูถิงเอ๋อร์เริ่มสั่นระริกและใบหน้าของนางนั้นแดงซ่านเต็มไปด้วยความอับอายก่อนจะซุกหน้าแนบกับอ้อมกอดของสามี
หลิงเซียนหัวเราะเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูด
“ แล้วเรื่องนี้ไม่สำคัญเช่นนั้นหรือ ?
” จากนั้นเขาก็พลิกร่างขึ้นด้านบน
ครู่ต่อมา ชูถิงเอ๋อร์ก็ถอนลมหายใจ
ก่อนจะใช้มือบางๆเกลี่ยเส้นผมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อบนหน้าผากไปด้านหลัง
แม้ว่าใบหน้าของนางนั้นจะแดงซ่าน
แต่มุมปากของนางก็ยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนสุข
ก่อนจะใช้ขารัดสามีและออดอ้อนราวกับลูกแมว “ เซียวเก้อ , ถิงเอ๋อร์สามารถตายได้จากความสำราญ…
”
อย่างไรก็ตามหลิงเซียวพลันทิ้งตัวลงคล้ายกับเป็นอัมพาตราวกับกองโคลนที่อ่อนยวบและถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
“ เจ้าสามารถตายได้เพราะความสุข
แต่ข้าจะตายเพราะความเมื่อยล้า…ข้าแทบจะสูญเสียแรงทั้งหมดไปจากคราก่อนหน้านี้…แม่เสือสาวของข้า , เจ้านี่มันช่างเป็นสตรีที่มีเสน่ห์ยิ่งนัก…
”
“ น่ารังเกียจนัก ! ” ชูถิงเอ๋อร์ทุบอกของหลิงเซียวด้วยความอายและโกรธเคืองแต่ก็รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ
สายตาของนางเริ่มเบลอเพราะความอ่อนโยนและความรักราวกับน้ำตากำลังจะไหลออกมา
“ อ่าห์… ” เมื่อเห็นรูปลักษณ์อันเย้ายวนใจบนใบหน้าของสตรีของเขา
หลิงเซียนแทบจะอยากกลายร่างเป็นหมาป่าผู้หิวโหยอีกครั้ง
“ จริงจังหน่อยสิ ! ข้ากำลังพูดกับเจ้าเกี่ยวกับเทียนเอ๋อนะ
! ” ชูถิงเอ๋อร์รู้ว่าสามีของนางนั้นไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของนางได้
นางจึงรีบซ่อนตัวภายใต้ผ้าห่ม มีเพียงแค่หัวเล็กๆของนางเท่านั้นที่โผล่ออกมา
“ ฮึ่มม, ดูเหมือนว่าการกระทำของเทียนเอ๋อในวันนี้จะเกินความคาดหมายของข้าไปมาก
” หลิงเซียมพึมพัมอย่างไม่ใคร่สนใจนัก
“ แน่นอนว่าการกระทำของเทียนเอ๋อในวันนี้
แม้ว่าข้าจะเป็นมารดาของเขา ข้าก็ยังประหลาดใจและตกใจมาก
สติปัญญาของเทียนเอ๋อนั้นได้เกินกว่าที่ข้าคิดนัก ” ชูถิงเอ๋อร์เผยสีหน้ากังวลและเป็นห่วงออกมา
“ หืม? มีควรจะเป็นเรื่องที่ดีสิที่เทียนเอ๋อนั้นฉลาดและมีไหวพริบ
แล้วเจ้ากำลังกังวลอะไรอีก ? ” หลิงเซียนมองแปลกๆไปที่ภรรยาของตน
ใบหน้าของชูถิงเอ๋อร์เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยในขณะที่นางกำลังครุ่นคิด
“ เซียวเก้อ
เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าเทียนเอ๋อในวันนี้นั้นฉลาดและเจ้าเล่ห์เกินไป ?
ถ้าหากลูกนั้นฉลาด คนเป็นแม่เช่นข้าย่อมต้องมีความสุข แต่ถ้าหากเขานั้นฉลาดเกินไป
มันคงง่ายหากเขานั้นเดินไปในทางที่ผิด ; นอกจากนี้ ยิ่งสติปัญญาสูงเท่าไรนั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ง่ายที่จะลงโทษหรือทำอะไรเขา
เจ้าไม่รู้สึกเช่นนั้นรึ ? ”
หลิงเซียนพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ เหตุใดเจ้าจึงต้องกลัวปัญหามากมายเช่นนั้น
? ฮี่ฮี่ ท่ามกลายบรรพบุรุษของตระกูลหลิงรวมไปถึงท่านพ่อและข้าล้วนแต่เป็นบุคคลที่กล้าหาญและกักขฬะ
ไม่เคยมีนักยุทธศาสตร์หรือนักปราชญ์ปรากฏขึ้นเลยในตระกูลหลิง [ TL : ถึงว่าตระกูลมันถึงไม่รู้ถึงอันตราย มีแต่กำลัง… ]
แต่ในที่สุดตอนนี้เราก็ได้มีอัจฉริยะในตระกูลหลิง ถิงเอ๋อ
นี่อาจจะกล่าวได้ว่าทั้งหมดเป็นผลงานของเจ้า ! ” ขณะที่เขาพูด
ดวงตาของหลิงเซียนก็เริ่มแสดงออกให้เห็นถึงความต้องการและตัณหาที่อยู่ภายใน
มือทั้งสองของเขาก็เต็มไปด้วยตัณหาและเริ่มก่อกวนทั้งช่วงบนและช่วงล่างของอิสตรีข้างกาย
ชูถิงเอ๋อร์จ้องมองไปที่สามีของนางอย่างไม่เต็มใจ
ครึ่งหนึ่งนางก็ต้องการหัวเราะแต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องการที่จะโกรธ
นางถอนหายใจก่อนจะดีดนิ้วไปที่หน้าผากของสามีก่อนจะพูด “ นี่เจ้า…การพูดกับเจ้านี่ราวกับว่าข้ากำลังบรรเลงพิณให้วัวฟัง
! ” [2]
หลิงเซียวแอบขำขณะที่ร่างอันกำยำของเขาพลิกตัวมาอยู่ด้านบนอีกครั้ง
ชูถิงเอ๋อร์นั้นก็พยายามเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้มือที่เต็มไปด้วยราคะของหลิงเซียวนั้นรุกรานส่วนล่างของนาง
“ ดะ เดี๋ยว…อ๊ะ
เดี๋ยว อย่าเพิ่ง , ข้า อ๊า..ยังพูดไม่จบ…ถ้าหากหลิงเทียนฉลาดแบบนั้น
ท่านพ่อแน่นอนว่าจะต้องหาปรมาจารย์หลายท่านมาเพื่อสั่งสอนเขาแน่ๆและข้าก็กังวลว่าเขาจะเบื่อหน่าย…อู้ว!...เจ้า..เจ้าคนนิสัยไม่ดี!
”
ขณะที่หลิงเซียวนั้นได้ล้วงเข้าไปสู่
‘ จุดสำคัญ ’ ,
เขาก็กระซิบข้างหูนางเบาๆ “ ไม่ต้องห่วง
วันพรุ่งนี้ข้าจะพูดกับท่านพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ , เฮะๆๆ…โว้ววว…น้ำเต็มเลยนี่ … ” สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้พลันเปลี่ยนให้ห้องที่หนาวเย็นกลายเป็นเร่าร้อนดั่งฤดูใบไม้ผลิ
ขณะที่หลิงเทียนออกมาจากเส้นทางลับใต้ดินในห้องนอนของเขาอย่างเงียบๆ
เขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะทุกๆคืนในเวลาประมาณนี้มารดาของเขามักจะฝ่าลมหนาวและลมฝนเพื่อมาดูเขาในห้องนี้
; ทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นท่านแม่กัน ?
หากพูดถึงเรื่องของความรักของบิดามารดา
หลิงเทียนรู้ซึ้งและทรมานมาหลายครั้งก็เพราะมัน เมื่อตอนก่อนที่เขาจะอายุสามปี
ทั้งสองคนนั้นปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าเขาเป็นเพียงทารกธรรมดาๆคนหนึ่ง
พวกเขาจึงไม่รอบคอบและกระทำ “เรื่องแบบนั้น” โดยไม่สนใจเขาที่นอนอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นทุกๆคืนจึงกลายเป็นความทรมานของหลิงเทียน
เพราะว่าเขานั้นยังอยู่ในร่างของทารกเขาจึงไม่สามารถเปล่งเสียงและแสดงความคิดของตนออกไปได้
มองเห็นบิดามารดาบรรเลงเพลงรักกันโดยไม่สนใจตัวเขาที่อยู่ข้างๆ
หลิงเทียนก็รู้สึกหดหู่จนถึงจุดที่อยากจะตาย !
; โอ้…พระเจ้า ,
ข้าเป็นคนที่มีชีวิตมาสองครั้งและอายุยี่สิบกว่าๆแล้วทำไมข้าถึงยังบริสุทธิ์
! ; ไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เมื่อพวกเขาตื่นพวกเขาดูเหมือนจะมีชีวิตชีวามาก
กลับกันหลิงเทียนนั้นมักจะรู้สึกง่วงเหงาและอ่อนแรง
เขามักจะกังวลอยู่เสมอว่าเขานั้นจะตายเพราะเลือดกำเดาไหลหรือไม่ก็หัวใจวายตาย…
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งถึงเมื่อตอนที่หลิงเทียนฉลองวันเกิดครบสี่ปี
เมื่อเขาถูกถามว่าต้องการของขวัญอะไรในวันเกิดปีนี้
เขาก็เลือกที่จะขอนอนหลับโดยไม่ต้องพึ่งพาบิดามารดาโดยที่แทบจะไม่ต้องคิด
แถมเขายังเลือกจุดที่ห่างไกลจากตึกของบิดามารดาหลายไมล์เพื่อให้แน่ใจว่าห้องของเขานั้นจะอยู่ห่างจากห้องของบิดามารดา
แม้จะมีเสียงคัดค้านแต่เขาก็ยังยืนยันด้วยความเด็ดเดี่ยว
ด้วยเหตุนี้คนในตระกูลของเขาจึงทำได้เพียงยอมรับคำขอและให้เขาเลือกพี่เลี้ยงและสาวใช้ตามที่เขาต้องการ
จากนั้นเป็นต้นมา หลังจากที่สามารถนอนหลับได้ด้วยตัวเอง
หลิงเทียนก็แข็งแรงขึ้นอย่างกะทันหัน
นั่นจึงทำให้ทั้งตระกูลของเขาประหลาดใจแต่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
ภายใต้การเรียกร้องของหลิงเทียน
พวกเขายังจำเป็นต้องอนุญาตให้เขาผลักดันพี่เลี้ยงออกจากห้องของนายน้อยหนุ่มที่มีนิสัยแปลกๆผู้นี้อีกด้วย
นี่มันก็แน่นอน : พอปราศจากการที่ต้องฟังและเห็นการร่วมรักอย่างน้อยสามครั้งต่อคืน
หลิงเทียนก็รู้สึกดีขึ้นมากทั้งร่างกายและจิตใจ !
ขณะที่หลิงเทียนกำลังแอบดีใจอยู่ลึกๆ เขาก็แอบเกรงขามในความมโหฬารของบิดาของตน
เมื่อเขาตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่มีใครมองอยู่รอบๆ เขาก็แอบเปิดกางเกงและตรวจสอบหลิงเทียนน้อยของเขาและดูเหมือนว่าเขาจะสืบทอดเจตนารมณ์นี้มาด้วย…
เมื่อใดก็ตามที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น [ TL : เปิดดูกางเกง ] เสียงหัวเราะอันพิลึกกึกกือและฟังดูบ้ากามก็จะดังออกมาจากห้องที่หลิงเทียนอยู่เสมอ…และมักจะสร้างความรู้สึกขนลุกไปถึงกระดูกให้กับเหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆห้องของเขาและบังเอิญได้ยินมัน…
การตัดสินใจของหลิงเทียนนั้นทำให้มารดาของเขา
, ชูถิงเอ๋อร์รู้สึกเสียใจและหมดแรงมาก
นางมักจะเต็มไปด้วยความกังวลและเข้ามาหาและตรวจสอบหลิงเทียนทุกๆวันจึงส่งผลให้หลิงเซียวอดสนองตัณหาของเขาไประยะหนึ่งเลยที่เดียว
ดังนั้นเขาจึงมักจะทำหน้ามุ่ยทุกครั้งเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นบุตรชายของตน
หลิงเทียนรู้สึกสงบ ; ไม่ว่าอะไรก็ตาม
นี่ก็ดีกว่าการที่ต้องดูหนังสดในทุกๆคืน,ใช่ไหมล่ะ?
นอกจากนี้ หลิงเทียนชอบมองไปที่บิดาของตนด้วยความเหยียดหยาม
นั่นก็เพราะบิดาของเขารู้จักใช้เพียงแค่ไม่กี่ท่วงท่า , ช่างไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาซะเลย…
[ TL : ยิ้มเหยียด … ขำ 555+ ]
เนื่องจากมารดาของเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อตรวจดูเขาจนกระทั่งตอนนี้
หลิงเทียนก็รู้ได้ล่วงหน้าเลยว่าวันนี้มารดาของเขาจะไม่มา เหตุผลก็คือ…ก๊ะๆๆๆ ,
พระพุทธเจ้าตรัสว่าบางสิ่งบางอย่างก็ไม่ควรพูดจะดีที่สุด [ TL : อย่าดราม่าศาสนาล่ะแปลตามengมาเลย the Buddha
]
[1]
เสี่ยวเก้อนั้นเป็นการเรียกแบบสนิทสนมของชูถิงเอ๋อร์ที่เอาไว้เรียนหลิกเซียว ,
ถ้าแปลตรงตัวมันจะหมายความว่า ‘ พี่ชายเซียว
’
[2]
‘สีซอให้ควายฟัง’ ของไทยเรานี่เองฮะ