บทที่ 18 : แผนการอันลึกล้ำ



* ขอเปลี่ยนจากนายหญิงใหญ่หลิง เป็น ฮูหยินหลิงแทนนะครับ


อีกด้านหนึ่ง อาจารย์เฒ่าผู้น่าสงสารช่วยไม่ได้ที่จะกระพริบตาปริบๆ ฟังจากสิ่งที่เพื่อนตัวน้อยนั้นพูด เขาจำได้เพียงลางๆว่าเหตุการณ์นั้นไม่ใช่อย่างที่หลิงเทียนนั้นอธิบาย หรืออาจจะมีเรื่องจริงน้อยนิดมาก เขารู้สึกว่าหลิงเทียนนั้นกำลังบิดเบือนความจริง เปลี่ยนดำเป็นขาว แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่สามารถบอกว่ามันผิดพลาดตรงจุดไหนได้


ได้เห็นการแสดงของหลิงเทียนที่ดูตรงไปตรงมาและจริงใจ วิธีการพูดอย่างมั่นใจแบบนี้ของหลิงเทียนทำให้ตาแก่ฉินรู้สึกไม่ค่อยจะดีนัก มันเห็นได้ชัดเลยว่าเพื่อนตัวน้อยผู้นี้เป็นคนเริ่มต้นเรื่องทั้งหมดและกำลังใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่เขาก็สามารถบิดเบือนความจริงและทำให้ดูเหมือนกับเขาเป็นผู้ถูกทำร้าย ความสามารถในการบิดเบือนความจริงของเขาที่กำลังแสดงอยู่นี้พูดได้เลยว่าในโลกใบนี้นั้นยากจะหาใครเทียบ ด้วยการพูดอย่างมีตรรกะและมีเหตุผลเขาสามารถแก้ต่างให้ตัวเองจนกลายเป็นคนดีได้ด้วยการพูดจริงและเท็จผสมกันจนทำให้มันดูราวกับว่าเขาได้รับความไม่เป็นธรรมจากสวรรค์ ปรมาจารย์เฒ่าฉินอุทานในใจลึกๆ “ การกระทำและการพูดจาของเจ้าเด็กคนนี้ราวกับมีวิญญาณจิ้งจอกเฒ่าสิงอยู่ในร่าง ไม่ใช่ว่าเขาเป็นเด็กอายุเพียงห้าปี ? นี่นี่มันนี่มันไม่จริงใช่ไหม ? ”


ฝูงชนพร้อมใจกันศรีษะของพวกเขาไปยังปรมาจารย์ฉินด้วยสายตาสงสัย ปรมาจารย์ฉินกระแอมออกมาสองครั้งในขณะที่ชำเลืองมองไปที่หลิงเทียนก่อนจะพูดออกมาด้วยเสี่ยงต่ำๆ “ ข้าได้ยินคำพูดเช่นนั้นออกมาจากนายน้อยหลิงเฉินจริง แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งคู่ล้วนเป็นเพียงเด็กซึ่งมักจะพูดจาไร้สาระเมื่อพวกเขาโกรธ ไม่ใช่ว่า… *ค่อก ค่อก ค่อก* ”


เหล่าผู้ชมกลายเป็นโง่งม เส้นเลือดปูดขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขา !


ในยุคนี้ การเคารพผู้ใหญ่และผู้อาวุโสนั้นเป็นสิ่งที่ถูกสั่งสอนและเน้นย้ำอยู่เสมอ ถ้าหากเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะสิ่งที่หลิงเทียนกล่าวออกมาจริงๆฉะนั้นการที่หลิงเทียนทำร้ายหลิงเฉินก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ! ไม่ว่าจะในสถานะของผู้ดูแลหรือลูกพี่ลูกน้องของหลิงเทียน การใช้ประโยคดังกล่าวนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้าม ! หลิงคงนั้นเป็นเพียงแค่บุตรบุญธรรมของหลิงซาน แต่ไม่ว่าตำแหน่งของเขานั้นจะน่านับถือแค่ไหน แต่มันก็เป็นเพียงแค่ในตระกูลหลิงเท่านั้น สรุปแล้วหลิงคงและบุตรชายของเขานั้นไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้ที่มีสิทธิพิเศษเพียงเท่านั้น หากว่าเขาถูกทุบตีจนตายยังไงก็ตามก็จะไม่มีใครสงสารพวกเขาเลยแม้แต่น้อยเพราะบังอาจพูดจาดูถูกเจ้านายของตนเช่นนั้น


ใบหน้าของหลิงคงเปลี่ยนไปทันทีและคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะคลานไปข้างหน้าและพูด “ หลิงคงล้มเหลวในการสั่งสอนบุตรชายให้ดี โปรดลงโทษข้าเถอะท่านพ่อบุญธรรม ! ” แม้ว่าภายในใจของเขาจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ตั้งแต่ที่บุตรชายของเขาพูดเช่นนั้นออกมาดังนั้นแถมยังมีพยานอีกด้วย แล้วจะมีทางออกใดให้เขาโต้แย้งได้อีก ? เมื่อมองไปที่หลิงเทียน ตอนนี้เขาเริ่มวางแผนไว้ในใจลึกๆ เขาต้องคำนวณแผนการคิดบัญชีกับไอ้เด็กเวรนี่ใหม่อีกครั้งเพื่อความรอบคอบ ไม่คิดเลยว่าคนซื่อๆอย่างหลิงซานและหลิงเซียวจะสามารถผลิตลูกหลานที่เจ้าเล่ห์และเจ้าแผนการณ์เช่นนี้ได้ !


ด้วยท่าทางที่มืดมน หลิงซานเพียงกล่าวว่า “ ลืมมันไปซะ เราจะปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน ถือว่าเป็นครั้งแรก ” ความจริงแล้วเมื่อหลิงซานนั้นได้ยินว่าหลิงเฉินพูดออกมาเช่นนี้ เขาแน่นอนว่าต้องโกรธอยู่แล้วแม้ว่าความจริงก่อนหน้านี้จะเป็นเช่นไรก็ตาม ใครคือหลิงเทียน ? เขาเป็นบุตรชายสายเลือดตรงที่เกิดจากบุตรแท้ๆของเขา แค่มองจากรูปลักษณ์ของเขา ใครๆก็ต้องบอกว่าหลิงเทียนกับหลิงเซียวนั้นมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน เมื่อคิดว่ามีคนมาเรียกหลานชายแท้ๆของเขาว่า ไอ้ลูกกะหรี่!” หลิงซานแม้กระทั่งรู้สึกว่าหลิงเทียนนั้นได้ตีมันเบาเกินไปด้วยซ้ำ


หลิงเทียนรู้สึกดีใจมาก ตั้งแต่ที่หลิงซานนั้นได้อยู่ในที่เกิดเหตุตอนนั้น ไม่ใช่ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาก็จะกลายเป็นความจริง ? นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่เขาพูดทั้งหมดนั้นแน่นอนว่าเป็นความจริง แต่ก็แค่จริงไม่หมดก็เท่านั้นแน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดเรื่องที่เขาข่มขู่หลิงเฉินและวางแผนให้มันใช้คำเหล่านี้ออกมา แต่เลือกที่จะดึงความสนใจของทุกคนไปที่คำพูดเพียงไม่กี่คำของหลิงเฉินที่ใช้กับเขาแทนเท่านั้นเอง


นอกจากนี้ เนื่องจากความหัวโบราณของปรมาจารย์ฉินทำให้เขานั้นไม่ชอบการพูดโกหกและปิดบังความจริงนั่นจึงทำให้คำพูดของหลิงเทียนนั้นมีน้ำหนักมากขึ้น แต่ถ้าหากว่าปรมาจารย์ฉินนั้นอธิบายเรื่องราวทั้งหมดและชี้ให้เห็นถึงความผิดที่หลิงเทียนก่อขึ้นมาจริงๆ มันก็ยากที่จะรู้ว่าท่าทีของหลิงซานนั้นจะเป็นอย่างไรง่ายๆเลยก็เพราะว่าหลิงเทียนนั้นเป็นหลานชายที่แท้จริงของเขาเอง แต่หลิงเฉินนั้นเป็นเพียงบุตรชายของบุตรบุญธรรมของเขาเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีตำแหน่งในใจของเขาสูงนัก ดังนั้นหลิงเทียนจึงเชื่อว่าปรมาจารย์ฉินนั้นจะไม่โง่ขุดหลุมฝังตัวเอง


ถ้าหากว่าปรมาจารย์เปิดเผยความจริงออกมาแล้วอธิบายว่าเหตุใดหลิงเฉินถึงต้องใช้คำพูดเลวทรามเช่นนั้นออกมา แม้ว่าหลิงเทียนจะไม่ถูกลงโทษหนักเกินไป แต่มันจะกลายเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่ดีและหว่านความขัดแย้งกันเองระหว่างหลิงเทียนและปู่ของเขา ! ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้น ปรมาจารย์ฉินก็คงจะมีเวลาที่ไม่ดีในอาณาจักรแห่งนี้และชื่อเสียงของเขาจะถูกทำลายเอาได้ ซึ่งความคิดของปรมาจารย์ฉินก็อยู่ในการคำนวณของหลิงเทียนไว้อย่างถูกต้อง และเขาก็คิดว่าปฏิกิริยาของปรมาจารย์ฉินก็ไม่แตกต่างจากสมมติฐานของเขา !


อย่างไรก็ตาม ส่วนที่สุดยอดที่สุดในแผนของหลิงเทียนนั้นก็คือเปิดปากยอมรับการกระทำที่ไม่ดีของตนและยอมรับความผิดก่อนในตอนแรก ถึงแม้ว่าเขาจะถูกดุด่าแต่เมื่ออธิบายทั้งหมดตามแผนแล้วหลิงซานและผู้อาวุโสคนอื่นๆจะเอาใจใส่เขามากขึ้นอย่างแน่นอน ความใจแตกของเด็กอายุเพียงห้าปีนี่แน่นอนว่ามาจากการที่มีปรมาจารย์มากมายและถูกบังคับให้เรียนมากเกินไปซึ่งมันเป็นการจำกัดอิสระของเขา นี่แน่นอนว่าคงไม่มีใครมีความสุขกับมันแน่นอน แม้ว่าผู้ใหญ่จะไม่ยอมรับง่ายดายนัก


นี่เป็นหนึ่งในวิธีของหลิงเทียนที่ต้องการแสดงให้เห็นว่าเด็กอายุห้าปีไม่ควรได้รับการเรียนที่มากกว่าที่จำเป็นจนเกินไปสำหรับเขา ข้อความลึกๆส่วนใหญ่นี่เขาต้องการส่งตรงไปให้ย่าและมารดาของเขาเพราะสำหรับปู่และบิดานั้นเขาไม่ได้คาดหวังว่าทั้งสองจะเข้าใจในความหมายแฝงนี้นักแต่เขาหวังเพียงแค่ว่าบิดดาและปู่ของเขาจะเข้าใจความจริงที่ว่าหลิงเฉินนั้นได้ดูถูกเขาและยิ่งไปกว่านั้นคำพูดของมันยังน่ารังเกียจมาก นั่นก็เพียงพอแล้ว


ผู้คนทั้งตระกูลมองหน้ากันไปมาด้วยความตกใจเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรกันต่อไป


มาดามหลิงกระแอมสองครั้งเบาๆก่อนจะพูด “ หลิงคง ทำไมเจ้าไม่ไปดูเฉินน้อยและดูอาการบาดเจ็บของเขาล่ะ ? ไปดูแลเขาซะ ท่านหมอยังไม่ได้ให้คำตอบแก่พวกเราในตอนนี้และข้ารู้สึกเป็นห่วงเขา ” นี่เห็นได้ชัดว่าต้องการให้หลิงคงนั้นออกไปด้วยเหตุผลที่แฝงมากับคำพูดนี้ นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลซึ่งเราไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเข้ามายุ่ง [ TL : ไปซะ อย่าเสือกไอลูกบุญธรรมกระจอก 555+ ]


ความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นในสายตาของหลิงคงวูบเดียวก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงและตอบกลับด้วยความเคารพ “ ตกลง ! งั้นข้าน้อยขอตัวก่อน เพื่อคลายความไม่พอใจของนายน้อยเทียนวันนี้ ข้าน้อยจะกลับไปสั่งสอนบุตรชายของข้าให้ดีขึ้น ”


ฮูหยินหลิงตอบกลับด้วยความเห็นใจ  ลืมเรื่องราวทั้งหมดไปซะ พวกเขายังเป็นเพียงแค่เด็กและยังไม่รู้ประสีประสา เจ้าก็อยู่ภายนอกมาหลายปี เจ้าต้องทุกข์ทรมานและเหนื่อยกันมามากและต้องเหนื่อยต่ออีกหน่อย พวกเจ้าสองพ่อลูกก็ใช้โอกาสนี้พักผ่อนให้มากๆและรีบฟื้นฟูตัวเองซะ ” ประโยคนี้ค่อนข้างน่าขบขัน คำพูดที่ว่าเพราะพวกเขาทั้งคู่ยังเป็นเด็กและพวกเขาไม่รู้จักการประพฤติตัวให้เหมาะสม ในอีกความหมายคือฮูหยินหลิงนั้นต้องการสื่อเป็นนัยว่าให้ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เท่ากับบอกหลิงคงว่าควรลืมเกี่ยวกับความจริงที่ว่าหลิงเทียนนั้นได้กระทืบบุตรชายของเขา


แน่นอนว่าหลิงคงนั้นต้องเข้าใจความหมายนั้นอยู่แล้วและเขาทำได้เพียงแสดงความขอบคุณก่อนที่เขาจะค่อยๆถอยออกจากห้องไป


ปรมาจารย์ฉินไม่ใช่คนโง่ เขาตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ด้วยสถานะของเขานั้นไม่ควรจะมีส่วนร่วมในสถานที่นี้อีกต่อไปและใช้โอกาสนี้คำนับก่อนจะเอ่ยคำลา “ คารวะอ๋องหลิง , ฮูหยินหลิงและท่านจอมพล ตาแก่ผู้นี้รู้สึกเหนื่อยบางที่ข้าควร… ”


ฮูหยินหลิงหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูด “ ท่านฉินไม่จำเป็นต้องสุภาพเด็กๆ,พาท่านฉินไปยังห้องรับรอง ”


เหล่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดทยอยกลับออกไปโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ และเหลือเพียงเฉพาะสมาชิกของตระกูลหลิงเท่านั้นที่ยังอยู่ หลิงเทียนยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นแต่เมื่อได้เห็นโอกาสอันดีงามเช่นนี้เขาจึงได้โอกาสนี้แสดงความกระวนกระวาย บนใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความปวดร้าวราวกับว่ากำลังสำนึกผิด [ TL : ตอแหลได้โล่จริงๆ … ]


ชูถิงเอ๋อร์รู้สึกท้อแท้ซะจนอยากร้องไห้ออกมาก่อนจะมองไปทางฮูหยินหลิงด้วยสายตาขอร้อง ร่างของนางคล้ายจะล้มลงด้วยความตรอมใจ ฮูหยินหลิงถามขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ “ เจ้าจะมองมาที่หญิงชราผู้นี้เพื่ออะไร ? เจ้าไม่เห็นหรือว่าหลานชายสุดที่รักของข้ากำลังนั่งคุกเขาอยู่กับพื้น ? ทำไมเจ้าไม่บอกให้เขาลุกขึ้นมา ? ”


ชูถิงเอ๋อร์รู้สึกตื้นตันใจก่อนจะรีบตอบด้วยความรวดเร็ว “ ขอบคุณท่านแม่มากๆ ! ” ในเวลานี้หลิงเทียนรีบลุกขึ้นก่อนที่มารดาจะเข้ามาช่วยเขาและทิ้งตัวลงบนอกของยายของเขา หลิงเทียนเกาะคอของนางแน่นและถูไปมาราวกับปลาหมึก ก่อนจะร้องออกมาด้วยความดีใจ “ ท่านย่าสุดยอดที่สุด ! ” ขณะที่กำลังแสดงท่าทางราวกับเด็ก เขาก็รู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย


ฮูหยินหลิงกอดหลานชายของนางด้วยความยิ้มแย่มแจ่มใสก่อนจะพูด “ เจ้าเด็กจอมเจ้าเล่ห์ เจ้ามักจะปากหวานเสมอและรู้จักเพียงแค่ว่าจะต้องทำยังไงให้ย่าของเจ้าพอใจ ”


หลิงเซียวถอนหายใจอย่างรุนแรง “ ท่านแม่ เจ้าเด็กคนนี้ดื้อเกินไป เขาจำเป็นต้องได้รับการลงโทษมิฉะนั้นถ้าหากต่อไปเขากลายเป็นคนชอบใช้ความรุนแรงตอนนั้นเราจะแก้ปัญหาได้ยังไง ? ”


ฮูหยินหลิงเบิกตากว้างและมองไปที่ลูกชายของนางก่อนจะตำหนิ “ เจ้าในตอนเด็กนั้นดื้อรั้นและซุกซนกว่าเขาเป็นสิบเท่า ไม่ใช่ว่าเจ้ายังคงกลายเป็นจอมพลที่ยอดเยี่ยมได้ ? พูดถึงเรื่องการสอนเด็กๆ เจ้าคิดว่าหญิงชราผู้นี้จำเป็นต้องให้เจ้ามาแนะนำ ? จะดีที่สุดหากเจ้าเพียงแค่หุบปากของเจ้า ! ”


ได้ยินเช่นนั้นหลิงซานก็ไม่สามารถช่วยได้และทำได้เพียงส่งเสียงคำรามเบาๆในลำคอเท่านั้น เพราะเมื่อเขากำลังจะเปิดปากของเขานั้นหญิงชราก็จ้องมองมาที่เขาพร้อมจิตสังหารที่สูงขึ้นเรื่อยๆ “ ไอ้จิ้งจ้องเฒ่า เจ้าจะส่งเสียงในลำคอเพื่อ ? ดูเจ้าสิ เจ้าเฒ่าสารเลว เจ้ากล้าดียังไงถึงปล่อยให้หลานชายของข้าคุกเข่าอยู่ตั้งนาน ดูสิ เข่าเขาเขาแดงไปหมดแล้ว  อั้ยหยา มามะมาให้ย่าเป่าให้เจ้ามันยังเจ็บอยู่ใช่ไหม ? อั้ยหยา ทำไมเด็กดีอย่างเทียนเอ๋อของข้าต้อง… ”


“ อ๋า ? เข่าของเทียนเอ๋อช้ำไปหมด ? มันต้องเจ็บแน่เลยใช่ไหม ? มานี่มา ให้แม่ทายาให้เจ้า… ”


เมื่อมองไปที่หญิงสาวทั้งสองนางคนอื่นๆในตระกูลนั้นฉีกยิ้มกว้างด้วยความสุขบนใบหน้า พูดถึงอาการของหลิงเทียน ชายทั้งสอง หลิงซานและหลิงเซียว มองหน้ากันและกันไปมา พวกเขาช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกไร้อำนาจและพ่ายแพ้ ใครจะไปคิดว่าเรื่องในวันนี้จะจบลงแบบนี้กัน ?


พลบค่ำ หลิงเทียนทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างสบายใจและปิดตาของเขาลง ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ถึงความคิดของเขาที่กำลังคิดอยู่ตอนนี้


เรื่องราวในวันนี้เป็นการทดสอบที่ถูกคิดขึ้นโดยตัวของหลิงเทียนเอง หนึ่งในเหตุผลก็คือว่าเขานั้นไม่สนใจปรมาจารย์ทั้งหมดที่ถูกจ้างมาเพื่อสั่งสอนเขาในวันนี้เลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักที่ทำให้เขาต้องสร้างสถานการณ์รุนแรงเช่นนี้ก็ส่งสารเตือนไปยังหลิงคงและบุตรชายของมัน ! ไม่ว่าจะสถานะใดก็ตามที่หลิงคงได้รับ บุตรบุญธรรมเอย หัวหน้าพ่อบ้านเอย อะไรก็ตามที่มันควรได้รับก็ควรจะได้ไปแต่อะไรก็ตามที่มันไม่สมควรจะได้ก็อย่าได้คิดได้ฝัน หลิงเทียนต้องการจะดับฝันอันยิ่งใหญ่ของมัน !


การกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้คือการเตือนสองพ่อลูกว่าไม่ว่าจะกรณีใด,เขา,หลิงเทียน เป็นหลานชายที่แท้จริงของหลิงซานและเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลหลิง ! แม้ว่าเขาจะดูไร้เหตุผลและได้กระทืบหลิงเฉินไป แต่แล้วยังไงล่ะ ? สุดท้ายแล้วเจ้านายก็ยังคงเป็นเจ้านายทาสก็ยังคงเป็นทาส ! ผู้นำของตระกูลยังไงก็ไม่มีทางให้โทษร้ายแรงแก่นายน้อยเพียงเพราะการกระทำต่อคนรับใช้หรอก ! หลิงคงต้องการจะครอบครองตำแหน่งของเขา ? มันทำได้เพียงแค่ฝันเท่านั้น !


“ ถ้าเจ้า หลิงคงสามารถมองเห็นภาพทั้งหมดและทำตัวดีๆต่อจากนี้ บางทีข้าอาจจะปล่อยให้พวกเจ้าสองพ่อลูกมีชีวิตอยู่ต่อไป !แต่ถ้าหากพวกเจ้ายังดื้อดึงต้องการจะฝันเฟื่องต่อไปล่ะก็ เมื่อนั้นข้า, หลิงเทียน จะไม่มีการให้อภัยและมอบโอกาสครั้งที่สองอีก สิ่งที่รอพวกเจ้าจะมีแต่ความตาย ! ข้าให้โอกาสพวกเจ้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้นและสำหรับพวกที่ไม่รู้จักยอมรับมัน แน่นอนว่าข้าจะไม่ให้โอกาสกับพวกมันอีก ! ” หลิงเทียนคิดกับตัวเองลึกๆในใจ


เมื่อเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว มารดาของเขาก็เริ่มกลับไปที่ห้องของนาง มองจากไกลๆ ไฟจากห้องของบิดามารดาของเขาก็ดับไป ด้านนอกบ้านมีเพียงเสียงกรนดังขึ้นมาซึ่งก็คงจะเป็นเสียงของสาวใช่ , ฉีเยว่


หลิงเทียนยิ้มกับตัวเองก่อนที่เขาจะก้มลงและดึงชุดผ้าสีดำสำหรับเดินทางตอนกลางคืนที่อยู่ใต้เตียงออกมา ในพริบตา ก็ปรากฏเด็กน้อยชุดดำในหน้ากากกระโดดออกจากหน้าต่างคล้ายกับนกที่บินผ่านท้องฟ้าหรือลมที่พัดผ่านยอดไม้ เขาไม่ได้นำโคมไฟหรือแหล่งกำเนิดแสงใดๆติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว การเคลื่อนไหวของเขาบนอากาศนั้นงามหยดย้อยราวกับภาพวาด เขาแอบออกมาอย่างเงียบๆและมุ่งตรงไปยังที่ๆหลิงคงและบุตรชายของมันอาศัยอยู่….







ฝากเพจนิยายหน่อยนะครับ ติดตามได้ครับ ปกติจะลงทางเพจก่อน dek-d วันนี้ลงให้พร้อมกันเลย

ความจริงจะลงให้พรุ่งนี้แต่เผอิญไม่ว่างเลยลงให้วันนี้ฮะ

ช่วยดูคำผิดให้ด้วยนะครับ :D