ปรมาจารย์ฉินเดินออกไปพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อด้วยความไม่พอใจ ทิศทางที่เขาเดินไปนั้นเห็นได้ชัดว่าต้องการไปร้องเรียนต่ออ๋องหลิง
หลิงเทียนพลันนั่งไขว้ขาลงบนเก้าอี้ซึ่งแต่เดิมเป็นที่นั่งของปรมาจารย์ฉิน หลิงเทียนเอามือเท้าคางพลางคิดว่าจะทำอะไรต่อไป
หลิงเฉินนอนอยู่บนพื้นร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเลือดนั่้นท่วมใบหน้ามันทำราวกับว่าได้รับความเจ็บปวดมากมายซะจนไม่สามารถลุกขึ้นได้
หลิงเทียนหัวเราะอยู่ในใจ ; เจ้าต้องการนอนต่อไปเพื่อจัดฉากให้ข้า ? ทำไปเลยไม่ต้องห่วง ! … หลิงเทียนรู้ดีว่าเขาใช้พลังไปมากน้อยแค่ไหน เจ้าเด็กคนนี้แม้ภายนอกดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ได้เป็นอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงอะไรขนาดนั้น เหตุผลเดียวที่มันยังคงแกล้งนอนอยู่ก็เพื่อรอให้หลิงซานมาที่นี่เพื่อจะร้องเรียนการกระทำของหลิงเทียน !
ก๊ะๆๆ น่าเสียดาย แม้ว่าแผนของเจ้าจะดูไม่เลวร้ายนัก แต่เจ้าไม่คิดเลยหรือว่าข้านั้นต้องการให้เจ้าเติมเชื้อไฟอยู่แล้ว ถ้าหากไม่ ข้าจะใช้ข้ออ้างเพื่อไล่อาจารย์พวกนี้ไปได้อย่างไร ? อย่าบอกข้าว่าข้าจะต้องปล่อยให้พวกมันอยู่ที่นี่จนทำให้ข้าต้องเสียเวลาอันมีค่าเพราะต้องไปเรียนกับพวกมัน ? ยังไงก็ตาม มันรู้สึกดีจริงๆที่ข้าได้กระทืบไอ้โง่นี่ !
“ ไอ้เด็กจองหอง !! ” หลิงซานเดินมาพร้อมกับความโกรธที่พร้อมจะปะทุ ! สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือหลิงเทียนที่ดูไม่แยแสและนั่งสบายใจอยู่บนเก้าอี้ของอาจารย์พร้อมกับนั่งไขว้ขาต่างกับหลิงเฉินนี่นอนอาบเลือดอยู่บนพื้น ในช่วงเวลานั้นเขาโกรธมาก ! ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาจับหลิงเทียนและพลิกร่างของเขาไว้บนเข่าก่อนจะฟาดก้นของหลิงเทียนเสียงดังสนั่นสามครั้ง“ ป๊าป ! ป๊าป ! ป๊าป ! ”
การตบทั้งสามครั้งนั้นไม่เบามือเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากว่าหลิงเทียนไม่ได้โคจรปราณภายในเพื่อปกป้องตัวเองล่ะก็ ก้นสีขาวนวลของเขาต้องบวมเป่งแน่นอน หลิงซานพลันกอดหลิงเฉินจากพื้นก่อนจะดูอาการบาดเจ็บของมัน
ด้านนอก มีเสียงความวุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อหลิงเซียวรีบวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด ! ด้านหลังของเขา ชูถิงเอ๋อร์นั้นรีบวิ่งมาจนหอบด้วยความเหนื่อย
ไม่นาน นายหญิงใหญ่หลิง หลิงคง ปรมาจารย์ฉินและคนอืนๆก็เริ่มมาถึง เมื่อพวกเขาได้เห็นฉากที่เกิดขึ้น พวกเขาทั้งหมดก็ตกอยู่ในความตะลึง
“ เฉินเอ๋อ ! ” เมื่อหลิงคงเห็นลูกชายของตัวเอง หน้าของเขาเริ่มชาก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดบุตรชายไว้ในอ้อมอก จากนั้นเขาก็รีบเรียกสาวใช้ให้พาบัตรชายของตนไปรักษาอาการบาดเจ็บ หลังจากที่ลูกชายของเขาถูกพาออกไป เขามองไปที่หลิงเทียนด้วยสายตาที่รุนแรงราวกับว่าเขาต้องการจะกลืนกินเลือดเนื้อของหลิงเทียน
ไม่มีใครคาดคิดว่าเพียงแค่บทเรียนแรกจากปรมาจารย์จะจบลงด้วยการต่อสู้ ! สีหน้าของทุกแสดงความไม่น่าเชื่อออกมา ! ชูถิงเอ๋อร์ร้องไห้ออกมาก่อนจะรีบเอามือปิดปากด้วยความตกใจ สายตาของนางเริ่มตื่นตระหนก
“ เจ้ากำลังจะทำให้ตาแก่ผู้นี้โกรธตาย !! ไอ้หลานอกตัญญู ! คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ ! ” หลิงซานตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังสนั่นจนทำให้หิมะที่ปกคลุมต้นไผ่ข้างนอกตกลงมาเพราะการสั่นสะเทือน
หลิงเทียนค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ของปรมาจารย์ฉินก่อนจะคุกเข่าลงด้วยความไม่เต็มใจ
“ ท่านพ่อ เทียนเอ๋อยังเด็กและโง่เขลา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ ; เขาคงไม่ได้ตั้งใจกับเรื่องเช่นนี้ ได้โปรด… ” ชูถิงเอ๋อร์รีบเดินไปข้างหน้าเพื่อขอร้องให้กับบุตรชายของนาง แต่ก่อนที่นางจะพูดจบประโยคก็ถูกขัดโดยหลิงซาน
“ นับตั้งแต่สมัยโบราณ มารดาที่ห่วงใยบุตรหลานจนเกินตัวนั้นมักจะทำให้เด็กหลายคนกลายเป็นตัวหายนะ…ถิงเอ๋อร์ , เทียนเอ๋อแค่อายุห้าปี ! แต่กลับทำร้ายลูกพี่ลูกน้องระหว่างที่อยู่ในชั้นเรียน ! นอกจากนี้เขายังแสดงกริยามารยาทที่เลวร้ายกับท่านปรมาจารย์อีกด้วย ! วันนี้เทียนเอ๋อได้แสดงให้เห็นว่าเขานั้นเป็นคนที่เกเรและอันธพาล ถ้าหากเราปล่อยเขาไปง่ายๆ ชีวิตของทุกคนในตระกูลคงจะพังยับเยินด้วยมือของเขา! เจ้าไม่จำเป็นต้องอ้อนวอนแทนเขาในวันนี้ ! ” หลิงซานไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่อาจละเลยความจริงที่ว่าลูกสะใภ้ของเขากำลังร้องไห้ให้กับหลายชายของเขา ถ้าหากว่าลูกสะใภ้ของเขาไม่สามารถมองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้และยังคงให้ท้ายกับบุตรของนาง หลายชายของเขาจะต้องกลายเป็นอันธพาลจริงๆแน่ !
น้ำตาไหลรินบนใบหน้าของชูถิงเอ๋อร์ นางมองไปที่บุตรชายของนางที่กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้น นางยื่นมือออกไปแต่ไม่กล้าที่จะกอดเขา
หลิงเซียวพลันทำเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ “ เขาเป็นเพียงอันธพาลน้อย ! เขาจะกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมได้ยังไงถ้าหากเราไม่ให้บทเรียนแก่เขา ? นี่ก็เพราะเจ้าให้ท้ายเขามากเกินไป ! ”
พอหลิงเซียวพูดเช่นนั้น นายหญิงใหญ่หลิงตอบสวนกลับมาในทันที “ ถ้าหากเจ้าพูดว่าเด็กไมได้รับการสอนอย่างถูกต้อง มันก็คงเป็นความผิดของบิดา หลิงเซียว ในฐานะที่เจ้าเป็นบิดาของเทียนเอ๋อร์ เจ้าต้องรับผิดชอบอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ แล้วเหตุใดเจ้าต้องว่าร้ายเทียนเอ๋อร์ ? ” หลังจากที่นางพูดเช่นนั้นจบ นางเข้าไปดึงเทียนเอ๋อร์มาไว้กับนางก่อนจะพูด “ เทียนเอ๋อ ไม่ต้องห่วง จะไม่มีอะไรผิดพลาดเกินขึ้นแน่นอน ” นางพลันจ้องมองไปที่หลิงเซียวด้วยแววตาตักเตือน ก่อนที่นางจะพูดอย่างชัดเจน “ ตาแก่ ถ้าเจ้าคิดจะทำร้ายหลายของข้าในวันนี้ล่ะก็ ข้าจะให้บทเรียนกับเจ้าเช่นกัน ”
หลิงเทียนได้จดจำเหตุการณ์ทั้งหมดในวันนี้ไว้และหัวเราะกับตัวเอง ขณะที่เขากำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นเขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะพูด “ ท่านปู่ หลานมีอะไรจะพูด ”
หลักจากหายใจหนักๆหลายครั้ง ใบหน้าของหลิงซานพลันอ่อนโยนขึ้นก่อนจะตอบ “ พูดมา ! ”
“ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่สามารถโทษข้าได้ ! ” หลิงเทียนพูดออกมา
หลิงซานพลันดุด่า “ เจ้าทำร้ายพี่ชายหลิงเฉินของเจ้าจนบาดเจ็บขนาดนั้น เจ้ายังมีหน้ามากล่าวว่ามันไม่ใช่ความผิดของเจ้า ? ” เขาหัวเราะด้วยความโกรธ “ แล้วตอนไหนที่จะกลายเป็นความผิดของเจ้า ? อย่าบอกเขาว่ามันจะเป็นความผิดของเจ้าถ้าหากเขาตาย ? เจ้าคนเลวทราม ! ”
หลิงเทียนก็โต้กลับว่า “ ท่านปู่ ข้าก็มีข้อผิดพลาดในส่วนของข้าอยู่แล้ว ! แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้มันมีเหตุผลที่แท้จริงอยู่เบื้องหลัง ! ถ้าหากไม่มีเหตุผล แล้วข้าจะทำร้ายเขาเพื่อ ? ”
ขณะที่หลิงซานและหลิงเซียวนั้นเป็นชายที่แข็งแกร่งของตระกูล พวกเขากลับไม่สามารถหาความแปลกในคำพูดของหลิงเทียนได้ แต่หลิงคงซึ่งอยู่อีกด้านกลับมองมาที่หลิงเทียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แม้แต่นายหญิงใหญ่หลิงและชูถิงเอ๋อร์ก็มองหน้ากันเองด้วยความสงสัย ! ถ้าหากว่าคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของคนที่โตแล้วหรืออาจจะมาจากหลิงเฉิน พวกเขาจะไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับมาจากหลิงเทียนที่มีอายุเพียงห้าปีเท่านั้น เขาเผชิญหน้ากับการตำหนิจากปู่ของเขาแต่เขากลับไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวแม้แต่น้อย คำพูดของเขานั้นดูมีเหตุผลและแสดงให้เห็นว่ามีอะไรแปลกๆ !
หลิงซานเปล่งเสียงผ่านลำคอ “ พูดต่อ ! ” จริงๆแล้วหลิงซานก็พบว่าเรื่องนี้มันแปลกมาก แม้ว่าหลานชายของเขาจะติดเล่นไปมากหน่อย แต่เขาก็ไม่เคยที่จะทำร้ายคนรับใช้ในคฤหาสน์เลยแม้แต่น้อย กลับกันเขากลับดูแลคนรับใช้ทุกคนในคฤหาสน์ตระกูลหลิงเป็นอย่างดี แล้วเหตุใดเขาจึงต้องลงมือทำร้ายลูกพี่ลูน้องของเขา ? อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือทุกอย่างถูกวางแผนไว้อย่างรอบคอบโดยหลิงเทียนเพื่อที่เขาจะสามารถหลีกเลี่ยงการโดนบังคับให้ร่ำเรียนจากปู่ของเขา ส่วนหลิงเฉินนั้น เขาเป็นเพียงตัวหมากโง่ๆตัวหนึ่งที่บังเอิญโชคร้ายมาเจอหลิงเทียนก็เท่านั้น
ใบหน้าของหลิงเทียนนั้นไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความกลัวแม้แต่น้อยและยังพูดต่ออย่างใจเย็น “ แน่นอนว่าข้าได้ทำผิดพลาดไป . วันนี้ , หลังจากที่ข้าได้พบว่าข้านั้นได้มีอาจารย์มากมายเกินไป หลานรู้สึกหดหู่มากๆ แต่ในตอนนั้นหลิงเฉินกลับยิ้มอย่างมีความสุขมาที่ข้า ข้าคิดว่าเขาต้องเยาะเย้ยข้าเพราะงั้นข้าก็เลยมอบส้นเท้าให้กับมันไปทีสองที นี่คือความผิดของข้าและเป็นเพียงความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นเป็นสิ่งที่หลิงเฉินนั้นสมควรได้รับและข้าก็ไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย ”
หลิงซานโมโหขึ้นมาทันที “ โอ้? ไอ้เด็กเนรคุณ ! เจ้าทำร้ายลูกพี่ลูกน้องของเจ้าเพียงเพราะว่าเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นฝ่ายถูก ? อีกอย่าง หลิงเฉินนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าเจ้า เป็นบุตรของลุงสองของเจ้า นี่เจ้าไม่ให้ความเคารพเขาเลยรึถึงกล้าเรียกชื่อเขาตรงๆ ! ”
หลินเทียนตอบอย่างใจเย็น “ อันดับแรก เมื่อหลิงเฉินมาที่นี่ลุงสองได้บอกว่าให้หลิงเฉินนั้นเป็นผู้ดูแลของข้า ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่และลุงสองก็เป็นพยานได้ในเรื่องนี้ ! ตั้งแต่ที่เขานั้นเป็นผู้ดูแลข้าก็นับว่าเขาคือข้ารับใช้ของข้านายน้อยผู้นี้ มันจะผิดอะไรหากข้าลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า ? ”
“ เจ้า! เจ้าคนต่ำช้า ! เจ้ากำลังพูดเล่นลิ้น ! ” หลิงซานโกรธจนแทบควันออกหู ! แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรเพราะทั้งหมดทั้งการยืนยันสถานะของหลิงเฉินที่ต้องมาเป็นผู้ดูแลของหลิงเทียนนั้นก็มาจากเขาและหลิงคงที่เป็นคนยื่นข้อเสนอเองและทุกๆคนในห้องโถงนั้นก็เป็นพยานในเรื่องนี้ได้ ถึงแม้ว่าหลิงเทียนนั้นจะพูดจาคลุมเครือ แต่หลิงซานก็ไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้
หลิงเทียนพูดต่อ “ ประการที่สอง ข้านั้นไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้และได้กระทื…เอ่อ…เตะหลิงเฉินไปนิดหน่อย ข้ารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งและต้องการจะช่วยเขา แต่ข้าไม่คิดว่าหลิงเฉินนั่นจะด่าทอและสาปแช่งข้า นอกจากนั้นคำพูดที่เขาใช้นั้นน่าเกลียดมาก ตั้งแต่ที่ข้าเป็นเด็กของตระกูลหลิง ข้าไม่สามารถทนได้หากมีใครมาด่าทอถึงบุพการีและบรรพบุรุษของข้า ดังนั้นข้าก็เลยกระ…เอ้ย เตะเขาด้วยความโกรธไปอีกครั้ง ”
สีหน้าของทุกคนพลันมืดดำ ; น่าเกลียดมาก ? เกี่ยวข้องกับบิดามารดาและบรรพบุรุษของเขา ? หลิงคงรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ผิดพลาด ! ถ้าหากไอ้เด็กคนนี้ยังพูดต่อไปล่ะก็ บุตรชายของข้าจะไม่ต้องโดนทำร้ายฟรีๆงั้นหรือ ?
ก่อนที่หลิงคงจะมีโอกาสหยุดหลิงเทียน เสียงของหลิงเทียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อหลิงเทียนนั้นลุกขึ้นและตะโกนออกมา “ ไอลูกกระหรี่ ! เจ้ากล้าทำร้ายข้า ! ” หลิงเทียนเลียนเสียงและท่าทางของหลิงเฉินได้สมจริง ทั้งท่าทางและใบหน้าของหลิงเฉินเมื่อตอนนั้นได้ถูกแสดงออกมาโดยหลิงเทียนได้อย่างยอดเยี่ยม “ ปรมาจารย์ฉินนั้นสามารถเป็นพยานในเรื่องนี้ได้ ! ”
ช่วยดูคำผิดให้ด้วยนะครับ :D