บทที่ 15 : เป็นมันนี่เอง




ครู่ต่อมา หลิงเทียนปลีกตัวออกจากหน้าต่างและกลับไปที่เตียง เขาถอดชุดคลุมอาบน้ำออกและแขวนมันไว้บนหัวเตียง หลิงเทียนล้มตัวลงนอนในทันทีพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวถึงสองชั้น ตาของหลิงเทียนปิดลงและเขาเริ่มควบคุมลมหายใจให้มั่นคงและทำหน้าให้สงบที่สุด ปากของเขากระตุกขึ้นมาบ้างครั้งนั่นทำให้เห็นได้ชัดว่าเขาผ่อนคลายและหลับสนิท


ทันใดนั้นเสียงประตูเปิดก็ดังขึ้นมาเบาๆ ร่างอันบอบบางเดินเข้ามาในขณะที่หลิงเทียนกำลังเผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขแม้ตาของเขาจะยังปิดอยู่ เมื่อคนผู้นี้เดินเข้ามาในห้อง ความอบอุ่นก็เบ่งบานขึ้นภายในหัวใจของเขา สตรีผู้นี้คือมารดาของเขา , ชูถิงเอ๋อร์


เสื้อคลุมกำมะหยี่ที่ดูหนาห่อหุ้มไปทั่วร่างกายของชูถิงเอ๋อร์ นางเผยรอยยิ้มที่ดูพึงพอใจของมารดาหลังจากที่นางเข้ามาในห้องนี้ สิ่งแรกที่นางทำคือปิดประตูเบาๆเพราะนางกังวลว่าลมหนาวจะเข้ามาและทำให้ลูกชายของนางต้องตื่นเพราะความเย็น จากนั้นนางก็เดินเข้ามาด้านข้างของเตียงอย่างช้าๆและมองไปที่ใบหน้าหวานๆของลูกชายของนางที่กำลังนอนหลับอย่างสบายด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข


นางยื่นมือขวาออกไปและต้องการสัมผัสไปที่แก้มของลูกชายของนางเบาๆ แต่ทันใดนั้นนางก็คิดบางสิ่งบางอย่างและกลัวมามือของนางจะเย็นเกินไปก่อนจะรีบชักมือกลับมา จากนั้นนางก็นำมือทั้งสองข้างของนางใส่ไปในชุดคลุมเพื่อเพิ่มความอบอุ่น เพียงชั่วครู่เมื่อนางรู้สึกว่ามือทั้งสองข้างของนางอุ่นเพียงพอเอามือออกจากชุดคลุมกำมะหยี่ของนางและสัมผัสไปที่ใบหน้าของลูกชายด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจและความสุข


นางนั่งลงอย่างนุ่มนวลข้างๆลูกชายของนางและมองไปที่ใบหน้าอันสงบของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก หลังจากคิดอะไรบางอย่างนางยิ้มอย่างนุ่มนวลและก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากของลูกชายอย่างแผ่วเบา จากนั้นนางก็จับมือขวาของหลิงเทียนที่อยู่นอกผ้าห่มใส่เข้าไปและจัดผ้าห่มใหม่อีกครั้ง จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนด้วยความลังเลใจก่อนจะเดินออกไปอย่างช้าๆ


หลังจากที่เสียงประตูปิดสนิทแล้ว ชูถิงเอ๋อร์ก็หายไปจากห้องเหลือเพียงกลิ่นตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของนางเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่...บนเตียง , หลิงเทียนเปิดตาที่ปริ่มไปด้วยน้ำตาขึ้นอย่างช้าๆ


หลิงเทียนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความรักอักแท้จริงที่แสดงผ่านการกระทำของชูถิงเอ๋อร์หลังจากที่นางเดินเข้ามาในห้องผ่านการหยั่งรู้ทางจิตวิญญาณของเขา เมื่อเขาเห็นว่าแม่ของเขากังวลว่ามือของนางจะเย็นเกินไปจึงอุ่นมันก่อนที่จะสัมผัสใบหน้าของเขา หลิงเทียนรู้สึกตื้นตันใจมาก ในเวลานั้น คำว่า มารดา ซึ่งเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับหลิงเทียนก็ได้ผสานเข้ากับรูปลักษณ์ของชูถิงเอ๋อร์โดยสมบูรณ์


ในความคิดของหลิงเทียนมันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเล็กน้อยและเขาก็เริ่มรู้สึกลึกๆภายในใจว่าขาจะไม่เหงาตราบใดที่ยังมีมารดาของเขาอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะออกมาเบาๆ


ในช่วงเช้าขณะที่หิมะยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด


หลิงเทียนห่อตัวเองอย่างหนาแน่นไว้ในผ้าห่มทำให้ตอนนี้เขาดูอ้วนมาก บนศีรษะของเขาสวมหมวกสีขาวที่มีหูกระต่ายสองข้างและมีหยกสีแดงสองชิ้นอยู่ที่หน้าผากของเขา


หลิงเทียนแทบจะพูดไม่ออก ; ชายหนุ่มอายุสามสิบปีเช่นเขาต้องมาใส่หมวกหูกระต่ายสุดคลาสสิคของเด็กเช่นนี้มันทำให้เขารู้สึกอยากจะอาเจียนออกมาแต่ยังไงก็ตามในสายตาของคนอื่นๆ มันคือใบหน้าที่น่ารักถูกซ่อนไว้ภายใต้หมวกกระต่ายที่น่ารัก ทำให้ชายรูปหล่อเช่นหลิงเทียนดูน่ารักเป็นอย่างมาก


ด้วยทักษะการบ่มเพาะของหลิงเทียนในตอนนี้เขาสามารถป้องกันไม่ให้ความเย็นหรือความร้อนทำอะไรกับเขาได้ อุณภูมิในตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกอะไร แม้ว่าเขาจะสวมเพียงชุดบางๆเขาก็ยังคงไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย แต่เขายังคงต้องใส่มันเพื่อแสดงให้ปู่ย่าและบิดามารดาของเขาได้เห็น เพื่อไม่ให้พวกเขาบ่นตลอดทั้งวัน


เวลาที่เหล่าอาวุโสทั้งหลายได้เห็นหลิงเทียนสวมใส่เสื้อผ้าบางๆพวกเขามักจะบ่นและเอะอะขึ้นมา พวกเขาแม้กระทั่งลงโทษแม่บ้านที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลหลิงเทียน หลังจากวันนั้นหลิงเทียนก็กลายเป็นคนว่าง่ายในทันที แม้ว่าหลิงเทียนจะรู้สึกมีความสุขมากเพราะความห่วงใยและความเอาใจใส่จากคนในตระกูลที่มีต่อเขา แต่เขาก็ต้องปวดหัวมากขึ้นเพราะพวกคนเหล่านี้มักจะจู้จี้จุกจิกตลอดเวลา!


หลิงเทียนมีความสูงเกินกว่าปกติของเด็กที่มีอายุเจ็ดถึงแปดปี คิวของเขาคมราวกับกระบี่ ดวงตาทั้งคู่มีสีดำลึกดูลึกลับและจมูกที่สันเป็นคม ผิวของเขาดูดีมากและดูเหมือนจะงดงามยิ่งกว่าเด็กผู้หญิง


หลังจากที่สาวใช้ทำความสะอาดใบหน้าของหลิงเทียนเสร็จแล้ว หลิงเทียนจึงเดินตรงไปหาบิดามารดาของเขา หลังจากที่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็มีเสียงคล้ายลมกระชากดังมาจากด้านหลังของเขา พอหลิงเทียนหันกลับไปมองก็มีก้อนหิมะก้อนใหญ่ลอยมาตรงหน้าของเขามันตกลงบนตัวของเขาทำให้เสื้อผ้าของเขาเย็นเฉียบในทันที


หลิงเทียนถึงกับมึนงง ; ใครกันที่กล้าแตะต้องข้าที่เป็นสมบัติของตระกูลหลิงในคฤหาสน์ของตระกูล ? เขาหยุดและมองไปรอบๆ เหล่าคนรัยใช้ที่อยู่ข้างๆเขาขวัญกระเจิงสีหน้าพลันซีดขาวด้วยความตระหนกก่อนที่พวกเขาจะรับโอบล้อมรอบตัวหลิงเทียนเพื่อป้องกันก่อนจะตะโกน ใคร ! ออกมาเดี๋ยวนี้ ! ”


เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กผู้ชายเจ็ดแปดขวบเดินออกมาจากป่าไผ่ที่อยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มซุกซน หลิงเทียนจดจ่อกับการฟังเสียงและจังหวะการก้าวเท้าจากป่าไผ่ หลิงเทียนช่วยไม่ได้จึงเผยรอยยิ้มแปลกๆขึ้นมา


เหล่าสาวใช้เมื่อได้ยินเสียงนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและพูดด้วยความขุ่นเคือง เป็นนายน้อยเฉินนี่เอง นายน้อยเฉินช่างซนจริงๆ แต่นี่คือนายน้อยหลิงเทียนนะ ท่านต้องไม่ทำแบบนี้อีกในอนาคต ถ้าหากนายน้อยหลิงเทียนเกิดเป็นอะไรขึ้นมา แม่บ้านเช่นข้าคงไม่สามารถแบกรับผลที่จะตามมาได้นะเจ้าคะ


หลิงเทียนพลันหัวเราะและพูดออกมา ไม่เป็นไร แล้วน้องชายผู้นี้คือ?ในเวลาเดียวกันความสงสัยในใจของเขาก็เพิ่มขึ้น ใครคือนายน้อยเฉิน? เขาเป็นใคร? นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่กล้าจะหยาบคายกับเขาในรอบห้าปี !


หลิงเทียนมองไปที่เขาอย่างรอบคอบ ; แม้ว่าจะมีรอยยิ้มที่ดูซุกซนประดับอยู่บนหน้าของเด็กผู้นั้น ริมฝีปากของมันบางเล็กด้วยใบหน้าที่ดูผอมแห้ง ในขณะที่หน้าของมันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่สายตาของมันกลับดูเย็นชา วิธีการที่มันมองมาที่เขาเหมือนกับงูพิษที่กำลังจ้องเหยื่อ สายตาของมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ! ; หลิงเทียนรู้สึกตกใจ ! เหตุใดเจ้าเด็กน้อยผู้นี่ถึงมีความเกลียดชังอย่างมากต่อเขา


สาวใช้ที่เป็นผู้นำกล่าวตอบอย่างสุภาพ นี่คือนายน้อยหนุ่มหลิงเฉินบุตรชายของนายน้อยหลิงคงเจ้าค่ะ


หลิงคง? ใครคือหลิงคง?หลิงเทียนยังคงสงสัยอยู่


พี่สาวฉีเยว่ , งั้นนี่ก็คือนายน้อยหลิงเทียน? ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่านายน้อยหลิงเทียนจะอ่อนโยนเช่นนี้หลิงเฉินเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม บิดาของข้าคือหลิงคง และเจ้าต้องเป็นน้องชายเทียนแน่เลยใช่ไหม? เจ้าช่างน่ารักยิ่ง ! ”


หลิงเทียนพลันหัวเราะอยู่ในใจ ; เจ้าหนู เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะสามารถสู้กับข้าได้ ?


หลิงเทียนพลันกระชากมือของหลิงซานอย่างตื่นเต้นก่อนจะพูด เจ้าคือ ? ฮ่าๆๆ ในที่สุดข้าก็มีใครสักคนที่สามารถเล่นกับข้าได้แล้ว เจ้าอาศัยอยู่ที่ใด ? หลิงเทียนคิดกับตัวเอง ; ‘ ความบังเอิญ ที่พวกเจ้าได้สร้างมาในวันนี้คือการส่งเจ้าเด็กน้อยนี่มาประกบข้าใช่ไหม ? ฮ่าๆๆ งั้นข้าเล่นตามแผนของพวกเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน !


เด็กน้อยทั้งสองเริ่มพูดคุยกันอย่างสนิทสนมแต่ต่างฝ่ายต่างซ่อนความในใจ; ราวกับว่าหลิงเทียนไม่สามารถทนกับความหนาวเย็นได้เขาจึงพูดเสียงสั่นๆและใบหน้าที่ซีดเซียว นี่มันหนาวมาก ” [ TL : ตอแหล !! ]


สายตาของหลิงซานประกายไปด้วยสายตาที่ดูถูกก่อนที่เขาจะแสร้งพูดด้วยความกังวล ถ้าหากน้องชายหลิงเทียนหนาวล่ะก็เจ้าควรรีบตามพี่สาวฉีเยว่ไปหาท่านป้านะ เราสามารถมาเล่นด้วยกันได้เมื่อเจ้าว่าง


ฉีเยว่กล่าวตอบด้วยรอบยิ้ม นายน้อยเฉินช่างมีเหตุผล นายน้อยเทียน เราต้องรีบไปแล้ว นายใหญ่และนายหญิงจะกังวลเอาได้หากรอเรานานกว่านี้


หลิงเทียนตอบด้วยการพยักหน้าก่อนจะพูดด้วยความไม่เต็มใจ เอาล่ะถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอลานะพี่เฉิน ข้าจะไปเล่นกับท่านภายหลังจากนั้นหลิงเทียนก็หันหลังเดินจากไป เขารู้สึกถึงสายตาร้อนแรงที่จ้องมองเขาจากด้านหลัง มุมปากของหลิงเทียนยกขึ้นและเขาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย


หลิงเซียวและชูถิงเอ๋อร์นั่งอยู่เคียงข้างกันในขณะที่หลิงเทียนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังตักแกงคำสุดท้ายเข้าปาก หลังจากนั้นหลิงเทียนก็ลุกขึ้นแต่ชูถิงเอ๋อร์ก็ดึงเข้าเข้ามาในอ้อมกอดและเอาผ้าเช็ดปากของเขาเบาๆก่อนจะตำหนิเขาด้วยเสียงหัวเราะ เด็กคนนี้ต้องให้แม่เช็ดปากให้ตลอดเวลาเลยหรือยังไง เจ้านี่ช่างเป็นเหมือนแมวน้อยเสียจริงหลิงเทียนโน้มตัวให้แม่ของเขาเช็ดปากแต่โดยดีด้วยความรู้สึกสงบและมีความสุขในใจ


ใบหน้าของหลิงเซียวเต็มไปด้วยรอยยิ้มก่อนเขาจะพูด ช่วยทำให้หลิงเทียนดูดีขึ้นอีกนิดก่อนที่เราจะพาเขาไปหาท่านพ่อ ข้าเห็นท่านพ่อตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับการหาอาจารย์ให้หลิงเทียนในช่วงสองสามที่แล้ว บางทีเขาอาจจะตัดสินใจได้แล้วก็ได้ในวันนี้


ชูถิงเอ๋อร์ถามด้วยความสนใจ อาจารย์ ? ข้าสงสัยยิ่งนักว่าท่านพ่อหาใครมาสอนเจ้าเด็กน้อยแสนซนผู้นี้


ข้าก็ยังไม่รู้เช่นกัน แต่ในเมื่อพวกเขาได้รับการเชิญจากท่านพ่อ แน่นอนว่ามันต้องไม่มีทางผิดพลาดแน่นอนหลิงเซียวพูดอย่างอารมณ์ดี


ใบหน้าของชูถิงเอ๋อร์พลันเต็มไปด้วยความภูมิใจก่อนจะพูด ไม่ว่าอาจารย์จะเป็นใครก็ตาม เทียนเอ๋อน้อยแสนฉลาดของเรจะตั้งใจเรียนอย่างดี ใช่ไหม? หลังจากนางพูดจบ นางค่อยๆหยิกแก้มของหลิงเทียนด้วยความรัก


หลิงเทียนหัวเราะอย่างขมขื่นใจใน จากนั้นเขาก็นึกบางสิ่งบางอย่างได้และถามออกไป ท่านแม่ ข้าเห็นเด็กที่ชื่อหลิงเฉินระหว่างทางที่มาที่นี่ เข้าคือใคร?


หลิงเฉิน?หลิงเซียวและชูถิงเอ๋อร์จ้องมองกันไปมาครู่หนึ่งจากนั้นชูถิงเอ๋อร์ก็ตอบ เขาเป็นบุตรชายของลุงสองของเจ้า,หลิงคง ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาตามลุงสองของเจ้าไปที่ฟาร์มม้าทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ข้าเชื่อว่าลุงสองของเจ้ากำลังจะกลับมาแน่นอนเอ่อ , พวกเจ้าทั้งคู่ต่างอายุใกล้ๆกัน และสามารถเล่นด้วยกันได้ในอนาคต


ลุงสองหรือ ? ไม่ใช่ว่าท่านปู่มีบุตรชายเพียงคนเดียว ?หลิงเทียนถามด้วยความสงสัย


ฮ่าๆๆ เจ้าหนูน้อย ลุงสองของเจ้าเป็นเด็กกำพร้าที่ปู่ของเจ้าเก็บมาเลี้ยง จากนั้นปู่ของเจ้าก็รับเข้าเป็นบุตรบุญธรรม หลังจากที่มารดาของเจ้ากำเนิดเจ้ามาลุงสองของเจ้าก็ถูกท่านปู่ส่งไปประจำอยู่ที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ คิดๆดูแล้วมันก็ผ่านมาแล้วตั้งห้าปี เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ ท่านลุงสองของเจ้ามีความสามารถ ฉะนั้นเจ้าต้องเคารพเขาเมื่อเจ้าเจอเขา เข้าใจไหม?


ตกลงหลิงเทียนพยักหน้าก่อนที่จะก้มหน้าลงช้าๆและนึกถึงใบหน้าที่เขาไม่เคยลืม มันเป็นคนที่เปิดเผยจิตสังหารต่อหน้าเขาเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก หลิงเทียนหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ; หลิงคง ? เป็นมันนี่เอง  ก๊ะๆๆๆ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ? นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งนัก แปลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ก็เป็นเจ้าจัดฉากขึ้นมางั้นสินะ ? ฮ่าๆๆๆ ตั้งแต่ที่เจ้าพยายามนำลูกชายของเจ้าเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ นายน้อยผู้นี้จะเป็นคนเล่นกับพวกเจ้าสองคนด้วยความสุขเอง ก๊ะๆๆๆ ….