ครู่ต่อมา
หลิงเทียนปลีกตัวออกจากหน้าต่างและกลับไปที่เตียง
เขาถอดชุดคลุมอาบน้ำออกและแขวนมันไว้บนหัวเตียง
หลิงเทียนล้มตัวลงนอนในทันทีพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวถึงสองชั้น ตาของหลิงเทียนปิดลงและเขาเริ่มควบคุมลมหายใจให้มั่นคงและทำหน้าให้สงบที่สุด
ปากของเขากระตุกขึ้นมาบ้างครั้งนั่นทำให้เห็นได้ชัดว่าเขาผ่อนคลายและหลับสนิท
ทันใดนั้นเสียงประตูเปิดก็ดังขึ้นมาเบาๆ
ร่างอันบอบบางเดินเข้ามาในขณะที่หลิงเทียนกำลังเผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขแม้ตาของเขาจะยังปิดอยู่
เมื่อคนผู้นี้เดินเข้ามาในห้อง ความอบอุ่นก็เบ่งบานขึ้นภายในหัวใจของเขา
สตรีผู้นี้คือมารดาของเขา , ชูถิงเอ๋อร์
เสื้อคลุมกำมะหยี่ที่ดูหนาห่อหุ้มไปทั่วร่างกายของชูถิงเอ๋อร์
นางเผยรอยยิ้มที่ดูพึงพอใจของมารดาหลังจากที่นางเข้ามาในห้องนี้
สิ่งแรกที่นางทำคือปิดประตูเบาๆเพราะนางกังวลว่าลมหนาวจะเข้ามาและทำให้ลูกชายของนางต้องตื่นเพราะความเย็น
จากนั้นนางก็เดินเข้ามาด้านข้างของเตียงอย่างช้าๆและมองไปที่ใบหน้าหวานๆของลูกชายของนางที่กำลังนอนหลับอย่างสบายด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
นางยื่นมือขวาออกไปและต้องการสัมผัสไปที่แก้มของลูกชายของนางเบาๆ
แต่ทันใดนั้นนางก็คิดบางสิ่งบางอย่างและกลัวมามือของนางจะเย็นเกินไปก่อนจะรีบชักมือกลับมา
จากนั้นนางก็นำมือทั้งสองข้างของนางใส่ไปในชุดคลุมเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
เพียงชั่วครู่เมื่อนางรู้สึกว่ามือทั้งสองข้างของนางอุ่นเพียงพอเอามือออกจากชุดคลุมกำมะหยี่ของนางและสัมผัสไปที่ใบหน้าของลูกชายด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจและความสุข
นางนั่งลงอย่างนุ่มนวลข้างๆลูกชายของนางและมองไปที่ใบหน้าอันสงบของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
หลังจากคิดอะไรบางอย่างนางยิ้มอย่างนุ่มนวลและก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากของลูกชายอย่างแผ่วเบา
จากนั้นนางก็จับมือขวาของหลิงเทียนที่อยู่นอกผ้าห่มใส่เข้าไปและจัดผ้าห่มใหม่อีกครั้ง
จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนด้วยความลังเลใจก่อนจะเดินออกไปอย่างช้าๆ
หลังจากที่เสียงประตูปิดสนิทแล้ว
ชูถิงเอ๋อร์ก็หายไปจากห้องเหลือเพียงกลิ่นตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของนางเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่...บนเตียง , หลิงเทียนเปิดตาที่ปริ่มไปด้วยน้ำตาขึ้นอย่างช้าๆ
หลิงเทียนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความรักอักแท้จริงที่แสดงผ่านการกระทำของชูถิงเอ๋อร์หลังจากที่นางเดินเข้ามาในห้องผ่านการหยั่งรู้ทางจิตวิญญาณของเขา
เมื่อเขาเห็นว่าแม่ของเขากังวลว่ามือของนางจะเย็นเกินไปจึงอุ่นมันก่อนที่จะสัมผัสใบหน้าของเขา
หลิงเทียนรู้สึกตื้นตันใจมาก ในเวลานั้น คำว่า “มารดา”
ซึ่งเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับหลิงเทียนก็ได้ผสานเข้ากับรูปลักษณ์ของชูถิงเอ๋อร์โดยสมบูรณ์
ในความคิดของหลิงเทียนมันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเล็กน้อยและเขาก็เริ่มรู้สึกลึกๆภายในใจว่าขาจะไม่เหงาตราบใดที่ยังมีมารดาของเขาอยู่ข้างๆ
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะออกมาเบาๆ
ในช่วงเช้าขณะที่หิมะยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
หลิงเทียนห่อตัวเองอย่างหนาแน่นไว้ในผ้าห่มทำให้ตอนนี้เขาดูอ้วนมาก
บนศีรษะของเขาสวมหมวกสีขาวที่มีหูกระต่ายสองข้างและมีหยกสีแดงสองชิ้นอยู่ที่หน้าผากของเขา
หลิงเทียนแทบจะพูดไม่ออก
; ชายหนุ่มอายุสามสิบปีเช่นเขาต้องมาใส่หมวกหูกระต่ายสุดคลาสสิคของเด็กเช่นนี้…มันทำให้เขารู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา! แต่ยังไงก็ตามในสายตาของคนอื่นๆ
มันคือใบหน้าที่น่ารักถูกซ่อนไว้ภายใต้หมวกกระต่ายที่น่ารัก
ทำให้ชายรูปหล่อเช่นหลิงเทียนดูน่ารักเป็นอย่างมาก
ด้วยทักษะการบ่มเพาะของหลิงเทียนในตอนนี้เขาสามารถป้องกันไม่ให้ความเย็นหรือความร้อนทำอะไรกับเขาได้
อุณภูมิในตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกอะไร
แม้ว่าเขาจะสวมเพียงชุดบางๆเขาก็ยังคงไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย
แต่เขายังคงต้องใส่มันเพื่อแสดงให้ปู่ย่าและบิดามารดาของเขาได้เห็น
เพื่อไม่ให้พวกเขาบ่นตลอดทั้งวัน
เวลาที่เหล่าอาวุโสทั้งหลายได้เห็นหลิงเทียนสวมใส่เสื้อผ้าบางๆพวกเขามักจะบ่นและเอะอะขึ้นมา
พวกเขาแม้กระทั่งลงโทษแม่บ้านที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลหลิงเทียน
หลังจากวันนั้นหลิงเทียนก็กลายเป็นคนว่าง่ายในทันที
แม้ว่าหลิงเทียนจะรู้สึกมีความสุขมากเพราะความห่วงใยและความเอาใจใส่จากคนในตระกูลที่มีต่อเขา
แต่เขาก็ต้องปวดหัวมากขึ้นเพราะพวกคนเหล่านี้มักจะจู้จี้จุกจิกตลอดเวลา!
หลิงเทียนมีความสูงเกินกว่าปกติของเด็กที่มีอายุเจ็ดถึงแปดปี
คิวของเขาคมราวกับกระบี่ ดวงตาทั้งคู่มีสีดำลึกดูลึกลับและจมูกที่สันเป็นคม
ผิวของเขาดูดีมากและดูเหมือนจะงดงามยิ่งกว่าเด็กผู้หญิง
หลังจากที่สาวใช้ทำความสะอาดใบหน้าของหลิงเทียนเสร็จแล้ว
หลิงเทียนจึงเดินตรงไปหาบิดามารดาของเขา
หลังจากที่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็มีเสียงคล้ายลมกระชากดังมาจากด้านหลังของเขา
พอหลิงเทียนหันกลับไปมองก็มีก้อนหิมะก้อนใหญ่ลอยมาตรงหน้าของเขามันตกลงบนตัวของเขาทำให้เสื้อผ้าของเขาเย็นเฉียบในทันที
หลิงเทียนถึงกับมึนงง
; ใครกันที่กล้าแตะต้องข้าที่เป็นสมบัติของตระกูลหลิงในคฤหาสน์ของตระกูล
? เขาหยุดและมองไปรอบๆ
เหล่าคนรัยใช้ที่อยู่ข้างๆเขาขวัญกระเจิงสีหน้าพลันซีดขาวด้วยความตระหนกก่อนที่พวกเขาจะรับโอบล้อมรอบตัวหลิงเทียนเพื่อป้องกันก่อนจะตะโกน
“ ใคร ! ออกมาเดี๋ยวนี้ ! ”
เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กผู้ชายเจ็ดแปดขวบเดินออกมาจากป่าไผ่ที่อยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มซุกซน
หลิงเทียนจดจ่อกับการฟังเสียงและจังหวะการก้าวเท้าจากป่าไผ่
หลิงเทียนช่วยไม่ได้จึงเผยรอยยิ้มแปลกๆขึ้นมา
เหล่าสาวใช้เมื่อได้ยินเสียงนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและพูดด้วยความขุ่นเคือง
“ เป็นนายน้อยเฉินนี่เอง
นายน้อยเฉินช่างซนจริงๆ แต่นี่คือนายน้อยหลิงเทียนนะ
ท่านต้องไม่ทำแบบนี้อีกในอนาคต ถ้าหากนายน้อยหลิงเทียนเกิดเป็นอะไรขึ้นมา
แม่บ้านเช่นข้าคงไม่สามารถแบกรับผลที่จะตามมาได้นะเจ้าคะ ”
หลิงเทียนพลันหัวเราะและพูดออกมา
“ ไม่เป็นไร แล้วน้องชายผู้นี้คือ?
” ในเวลาเดียวกันความสงสัยในใจของเขาก็เพิ่มขึ้น ใครคือนายน้อยเฉิน?
เขาเป็นใคร? นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่กล้าจะหยาบคายกับเขาในรอบห้าปี !
หลิงเทียนมองไปที่เขาอย่างรอบคอบ
; แม้ว่าจะมีรอยยิ้มที่ดูซุกซนประดับอยู่บนหน้าของเด็กผู้นั้น
ริมฝีปากของมันบางเล็กด้วยใบหน้าที่ดูผอมแห้ง ในขณะที่หน้าของมันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แต่สายตาของมันกลับดูเย็นชา
วิธีการที่มันมองมาที่เขาเหมือนกับงูพิษที่กำลังจ้องเหยื่อ สายตาของมันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
! ; หลิงเทียนรู้สึกตกใจ ! เหตุใดเจ้าเด็กน้อยผู้นี่ถึงมีความเกลียดชังอย่างมากต่อเขา
สาวใช้ที่เป็นผู้นำกล่าวตอบอย่างสุภาพ
“ นี่คือนายน้อยหนุ่มหลิงเฉินบุตรชายของนายน้อยหลิงคงเจ้าค่ะ
”
“ หลิงคง?
ใครคือหลิงคง? ” หลิงเทียนยังคงสงสัยอยู่
“ พี่สาวฉีเยว่ ,
งั้นนี่ก็คือนายน้อยหลิงเทียน?
ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่านายน้อยหลิงเทียนจะอ่อนโยนเช่นนี้ ” หลิงเฉินเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม
“ บิดาของข้าคือหลิงคง
และเจ้าต้องเป็นน้องชายเทียนแน่เลยใช่ไหม? เจ้าช่างน่ารักยิ่ง ! ”
หลิงเทียนพลันหัวเราะอยู่ในใจ
; เจ้าหนู
เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะสามารถสู้กับข้าได้ ?
หลิงเทียนพลันกระชากมือของหลิงซานอย่างตื่นเต้นก่อนจะพูด
“ เจ้าคือ ? ฮ่าๆๆ
ในที่สุดข้าก็มีใครสักคนที่สามารถเล่นกับข้าได้แล้ว เจ้าอาศัยอยู่ที่ใด ? ” หลิงเทียนคิดกับตัวเอง ; ‘ ความบังเอิญ ’ ที่พวกเจ้าได้สร้างมาในวันนี้คือการส่งเจ้าเด็กน้อยนี่มาประกบข้าใช่ไหม ?
ฮ่าๆๆ งั้นข้าเล่นตามแผนของพวกเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน !
เด็กน้อยทั้งสองเริ่มพูดคุยกันอย่างสนิทสนมแต่ต่างฝ่ายต่างซ่อนความในใจ;
ราวกับว่าหลิงเทียนไม่สามารถทนกับความหนาวเย็นได้เขาจึงพูดเสียงสั่นๆและใบหน้าที่ซีดเซียว
“ นี่มันหนาวมาก ” [ TL : ตอแหล !!
]
สายตาของหลิงซานประกายไปด้วยสายตาที่ดูถูกก่อนที่เขาจะแสร้งพูดด้วยความกังวล
“ ถ้าหากน้องชายหลิงเทียนหนาวล่ะก็เจ้าควรรีบตามพี่สาวฉีเยว่ไปหาท่านป้านะ
เราสามารถมาเล่นด้วยกันได้เมื่อเจ้าว่าง ”
ฉีเยว่กล่าวตอบด้วยรอบยิ้ม
“ นายน้อยเฉินช่างมีเหตุผล นายน้อยเทียน
เราต้องรีบไปแล้ว นายใหญ่และนายหญิงจะกังวลเอาได้หากรอเรานานกว่านี้ ”
หลิงเทียนตอบด้วยการพยักหน้าก่อนจะพูดด้วยความไม่เต็มใจ
“ เอาล่ะถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอลานะพี่เฉิน
ข้าจะไปเล่นกับท่านภายหลัง ” จากนั้นหลิงเทียนก็หันหลังเดินจากไป
เขารู้สึกถึงสายตาร้อนแรงที่จ้องมองเขาจากด้านหลัง
มุมปากของหลิงเทียนยกขึ้นและเขาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย
หลิงเซียวและชูถิงเอ๋อร์นั่งอยู่เคียงข้างกันในขณะที่หลิงเทียนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังตักแกงคำสุดท้ายเข้าปาก
หลังจากนั้นหลิงเทียนก็ลุกขึ้นแต่ชูถิงเอ๋อร์ก็ดึงเข้าเข้ามาในอ้อมกอดและเอาผ้าเช็ดปากของเขาเบาๆก่อนจะตำหนิเขาด้วยเสียงหัวเราะ
“ เด็กคนนี้ต้องให้แม่เช็ดปากให้ตลอดเวลาเลยหรือยังไง
เจ้านี่ช่างเป็นเหมือนแมวน้อยเสียจริง ” หลิงเทียนโน้มตัวให้แม่ของเขาเช็ดปากแต่โดยดีด้วยความรู้สึกสงบและมีความสุขในใจ
ใบหน้าของหลิงเซียวเต็มไปด้วยรอยยิ้มก่อนเขาจะพูด
“ ช่วยทำให้หลิงเทียนดูดีขึ้นอีกนิดก่อนที่เราจะพาเขาไปหาท่านพ่อ
ข้าเห็นท่านพ่อตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับการหาอาจารย์ให้หลิงเทียนในช่วงสองสามที่แล้ว
บางทีเขาอาจจะตัดสินใจได้แล้วก็ได้ในวันนี้ ”
ชูถิงเอ๋อร์ถามด้วยความสนใจ
“ อาจารย์ ?
ข้าสงสัยยิ่งนักว่าท่านพ่อหาใครมาสอนเจ้าเด็กน้อยแสนซนผู้นี้ ”
“ ข้าก็ยังไม่รู้เช่นกัน
แต่ในเมื่อพวกเขาได้รับการเชิญจากท่านพ่อ แน่นอนว่ามันต้องไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
” หลิงเซียวพูดอย่างอารมณ์ดี
ใบหน้าของชูถิงเอ๋อร์พลันเต็มไปด้วยความภูมิใจก่อนจะพูด
“ ไม่ว่าอาจารย์จะเป็นใครก็ตาม
เทียนเอ๋อน้อยแสนฉลาดของเรจะตั้งใจเรียนอย่างดี ใช่ไหม? ”
หลังจากนางพูดจบ นางค่อยๆหยิกแก้มของหลิงเทียนด้วยความรัก
หลิงเทียนหัวเราะอย่างขมขื่นใจใน
จากนั้นเขาก็นึกบางสิ่งบางอย่างได้และถามออกไป “
ท่านแม่ ข้าเห็นเด็กที่ชื่อหลิงเฉินระหว่างทางที่มาที่นี่
เข้าคือใคร? ”
“ หลิงเฉิน? ” หลิงเซียวและชูถิงเอ๋อร์จ้องมองกันไปมาครู่หนึ่งจากนั้นชูถิงเอ๋อร์ก็ตอบ “ เขาเป็นบุตรชายของลุงสองของเจ้า,หลิงคง
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาตามลุงสองของเจ้าไปที่ฟาร์มม้าทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ
ข้าเชื่อว่าลุงสองของเจ้ากำลังจะกลับมาแน่นอน…เอ่อ , พวกเจ้าทั้งคู่ต่างอายุใกล้ๆกัน และสามารถเล่นด้วยกันได้ในอนาคต ”
“ ลุงสองหรือ ?
ไม่ใช่ว่าท่านปู่มีบุตรชายเพียงคนเดียว ? ” หลิงเทียนถามด้วยความสงสัย
“ ฮ่าๆๆ เจ้าหนูน้อย
ลุงสองของเจ้าเป็นเด็กกำพร้าที่ปู่ของเจ้าเก็บมาเลี้ยง
จากนั้นปู่ของเจ้าก็รับเข้าเป็นบุตรบุญธรรม
หลังจากที่มารดาของเจ้ากำเนิดเจ้ามาลุงสองของเจ้าก็ถูกท่านปู่ส่งไปประจำอยู่ที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ
คิดๆดูแล้วมันก็ผ่านมาแล้วตั้งห้าปี…
เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ ท่านลุงสองของเจ้ามีความสามารถ
ฉะนั้นเจ้าต้องเคารพเขาเมื่อเจ้าเจอเขา เข้าใจไหม? ”
“ ตกลง ” หลิงเทียนพยักหน้าก่อนที่จะก้มหน้าลงช้าๆและนึกถึงใบหน้าที่เขาไม่เคยลืม มันเป็นคนที่เปิดเผยจิตสังหารต่อหน้าเขาเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก
หลิงเทียนหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ; หลิงคง ? เป็นมันนี่เอง ก๊ะๆๆๆ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ?
นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งนัก
แปลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ก็เป็นเจ้าจัดฉากขึ้นมางั้นสินะ ? ฮ่าๆๆๆ ตั้งแต่ที่เจ้าพยายามนำลูกชายของเจ้าเข้ามายุ่งในเรื่องนี้
นายน้อยผู้นี้จะเป็นคนเล่นกับพวกเจ้าสองคนด้วยความสุขเอง ก๊ะๆๆๆ ….