สวนหลังคฤหาสต์ตระกูลหลิง
หลังจากที่ได้เล่นตลกแล้ว
หลิงเทียนก็ได้รับการลงโทษ ก้นที่เคยขาวราวกับหิมะของเขาบัดนี้มีรอยประทับของฝ่ามือขนาดใหญ่
เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นเพราะฝีมือของบิดาของเขา
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทุกอย่าง
หลิงซานก็ได้โอกาสให้บทเรียนแก่หลิงเซียว ราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ เขาตำหนิหลิงเซียวอย่างรุนแรง
เมื่อหลิงเซียวทำได้เพียงหนีออกมาอย่างน่าสมเพช แต่ยังไงเขาก็ยังคงถูกบิดาฟาดด้วยไม้ถึงสองครั้งด้วยความโกรธ
กระเพาะอาหารของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธแทนที่จะเป็นอาหารที่เพิ่งกินไป
เป็นธรรมดาที่หลิงเซียวจะไม่พอใจอย่างมาก เมื่อเขากลับมาถึงห้องนอนและมองเห็นหลิงเทียน
เขาตบไปที่ก้นของหลิงเทียนโดยไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว
หลังจากนั้นเขาก็ถูกโยนออกจาห้องโดยชูถิงเอ๋อร์ที่โกรธเกรี้ยวราวกับสิงโตตัวเมีย
จากนั้นชูถิงเออร์ก็เริ่มป้ายยาให้กับก้นของหลิงเทียนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและปวดใจ
ขณะที่นางกำลังทายาให้กับหลิงเทียนน้ำตาของนางก็เริ่มไหลออกมาด้วยความโศกเศร้า
หลิงเทียนรู้สึกแปลกๆเพราะด้วยจิตวิญญาณที่มีอายุ 25
ปี แต่เขากลับมีมารดาที่อายุน้อยกว่าเขาแถมตอนนี้ร่างกายของเขากลับเปลือยล่อนจ้อนตรงหน้ามารดาที่กำลังคลึงก้นของเขาและปลอบโยนเขา
เดิมทีแล้วตัวของหลิงเทียนนั้นเป็นคนที่ขี้อายเป็นอย่างมาก
เขาแม้กระทั่งคิดว่าเขาอาจจะมีความคิดสกปรกอยู่ในหัวหากว่าได้เห็นอะไรบางอย่างของสตรีที่เป็นมารดาของเขา
แต่เอาเข้าจริงมันกลับไม่เป็นแบบนั้น
หลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจมากที่หัวใจของเขากลับบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง ! ขณะที่มือของมารดากำลังสัมผัสเขา เขารู้สึกว่าร่างกายของเขารู้สึกสบายมากๆ
จากมือที่อ่อนโยนและสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก หลิงเทียนรู้สึกอึดอัดลึกๆในจมูกของเขาจู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาอาบแก้ม
ในอดีตนั้นเขาเคยปรารถนาที่จะได้รับการดูแลและความรักจากมารดา
แต่ในชาติที่แล้วแม่ของเขาได้ทิ้งเขาไว้บนกองดินและมีเพียงรูปถ่ายหลงเหลืออยู่ไม่กี่ใบซีดเซียวจนแทบดูไม่ออก
ในชาติที่แล้วนั้นหลิงเทียนนึกภาพของมารดาได้เพียงแค่ความฝันในยามค่ำคืนเท่านั้นแต่ตอนนี้
แต่ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในชาติที่แล้วกลับกลายเป็นจริงตรงหน้าของเขา
! หลิงเทียนรู้สึกตื้นตันใจมาก
“ อั้ยหยา…เจ้าวัวดื้อนี่ เหตุใดเขาถึงต้องหนักมือกับลูกชายตนเองเช่นนี้ ? ข้าต้องสอนบทเรียนให้เขาภายหลัง
เขาทำเกินไป เขาจะทำให้สตรีชราผู้นี้โกรธตาย ถิงเอ๋อ เจ้าไม่ต้องเศร้าใจไป
ขนาดเทียนเอ๋อยังไม่ร้องไห้เลย ช่างเป็นเด็กดีอะไรเช่นนี้… ”
นายหญิงใหญ่หลิงเดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ
พอนางมองเห็นรอยฝ่ามือบนก้นของหลานชายของนาง นางพลันรู้สึกโกรธและเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
ชูถิงเอ๋อร์เช็ดน้ำตาออกไปและกลืนความเศร้าลงไป
“ นี่คงจะโทษสามีของข้าไม่ได้
มันเป็นความจริงที่ว่าเจ้าเด็กคนนี้น่าผิดหวังเกินไป จากสิ่งของมากมายทั้งหมดเขากลับเลือก….เขากลับเลือกถุงหอมของน้าของเขา ทำให้ปู่ของเขาโกรธ
มันก็ถูกแล้วที่เขาจะโดนตี ”
สายตานายหญิงใหญ่หลิงหรี่ลงก่อนจะดุด้วยความโกรธ
“ ไม่ต้องไปพูดถึงไอ้แก่โง่นั่น ! มันรู้จักเพียงแค่การกังวลกับภาพลักษณ์ของตัวเองเท่านั้น
แล้วยังไงหากว่าหลานชายของเขาชอบถุงหอม ? ใครเล่าที่จะไม่ชอบอะไรบางอย่างที่มีกลิ่นหอม
? นอกเหนือจากนี้ ถ้าหากว่าหลายชายของข้าชมชอบเหล่าสตรีในอนาคต อย่าบอกข้าว่าเราจะไม่ช่วยหาสตรีที่ดีที่สุดเพื่อเขา
? อย่าบอกข้าว่าเราจะไม่พยายามหาเหล่าสตรีที่ดี ไอ้แก่นั้นก็ลูกชายคู่นั้นแค่กำลังพยายามยกภูเขาออกจากจอมปลวก
[ TL : เป็นสำนวนที่หมายความว่า ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่
] ปล่อยให้หญิงแก่ผู้นี้ด่าสามีเจ้าสักครั้งเถอะ ข้าจะสั่งสอนเขาเอง
! ข้าควรจะเร็วกว่านี้ก่อนที่มันจะเหิมเกริมทำร้ายหลานชายของข้า
แต่ข้าก็ยังคงมาช้าและช่วยอะไรไม่ได้ครั้งนี้ ! ฮึ่ม !!
มาดูกันว่าข้าจะสอนบทเรียนอะไรให้เขาในภายหลัง ! … อั้ยหยา , เจ้าหลานชายงี่เง่าของข้า
ลองดูที่ผิวอันเรียบเนียนของเขาสิ…เหตุใดถึงต้องถูกแต้มไปด้วยฝ่ามือ
? มานี่มาให้ยายกอดเจ้า…ฮ่าๆๆ เจ้าเชื่อฟังง่ายดายเกินไป !
”
หลิงเทียนรู้สึกดีใจมาก
; ท่านยายช่างน่าเหลือเชื่อ
ดูเหมือนว่าในสายตาของหญิงชราผู้นี้ ทุกๆอย่างที่ข้าทำนั้นจะกลายเป็นถูก
ดูเหมือนข้าทุกอย่างที่ข้าจะทำต้องได้รับการสนับสนุนจากนาง ฮ่าๆๆๆ ข้าชอบใจยิ่งนัก
! ;
หลังจากที่อยู่ที่นี่มาได้หนึ่งปีแล้ว
หลิงเทียนก็ค่อนข้างเข้าใจว่าตระกูลหลิงมีความสำคัญและมีอำนาจเพียงใด
หลังจากที่เขาเข้าใจเรื่องทั้งหมดนั่น ในใจลึกๆของหลิงเทียนก็สั่งการณ์ออกมาอย่างฉลาด
; ความยากลำบากนั้นจะสร้างวีรบุรุษ !
ผู้นำตระกูลหลิง
หลิงซานนั้นเป็นวีรบุรุษที่เกิดมาจากช่วงเวลาแห่งความลำบาก ! ตระกูลหลิงเดิมทีนั้นเป็นเพียงตระกูลระดับกลาง
ในช่วงเวลานั้นหลิงซานผู้ซึ่งยังคงเป็นเพียงนายน้อยของตระกูลได้พบกับหลงเฉิงเทียนและในโอกาสนั้น
ทั้งสองก็เข้ากันได้ดีและต่อมาก็ได้สาบานเป็นพี่น้องกัน หลังจากนั้นตระกูลหลิงก็ได้กลายเป็นหัวหอกให้กับหลงเฉิงเทียน
! ในช่วงที่เกิดสงคราม
ชนชั้นสูงที่ยอมสละเลือดเนื้อและร่างกายล้วนเป็นผู้คนจากตระกูลหลิง หลิงซานนั้นลุกขึ้นสู้ด้วยร่างกายที่ย้อมไปด้วยเลือดและได้กลายเป็นผู้ชนะในสงครามอันยิ่งใหญ่ในครั้งนั้น
! เขาได้กลายเป็นผู้ที่นำพาชัยชนะและได้ร่วมก่อตั้งอาณาจักรครองฟ้าหลังจากที่ได้ก้าวผ่านศพศัตรูนับไม่ถ้วนในสนามรบ
ตระกูลหลิงจึงได้รับการเลื่อนขั้นเทียบเท่าหนึ่งในห้าตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและกลายเป็นตระกูลที่ลำดับที่หก
!
ตามที่หลิงเทียนเข้าใจมาตลอดหนึ่งปีนั้น
หลิงซานนั้นไม่ได้เป็นบุคคลที่เจ้าเล่ห์เพทุบายเหมือนที่หลายๆคนคิด
เหตุผลเดียวที่ทำให้เขายิ่งใหญ่ได้ในทุกวันนี้ก็สืบเนื่องมาจากโอกาสที่เขาได้เจอและเป็นเพียงความโชคดีที่เขาไม่ตายในสนามรบเท่านั้น
เมื่ออาณาจักรครองฟ้าต้องการผู้บัญชาการเหล่าแม่ทัพและทหารทั้งหลายด้วยความกล้าหาญและศักดิ์ศรี
หลิงเทียนจึงเสนอหน้าที่รับผิดชอบในฐานะจอมพลผู้เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพในอาณาจักร
เขาได้นำทัพไปทำสงครามขยายอาณาเขตให้กับอาณาจักรครองฟ้าและประสบความสำเร็จมากมาย
ต่อมาลูกชายของเขาก็ได้รับสืบทอดตำนานของเขาและกลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าบิดา
แต่เขาก็ยังมีข้อเสียที่ใหญ่มากคือเขารับทัศนคติที่ตรงไปตรงมาของหลิงซานมามากมายเกินไป
แม้ว่าตอนนี้ตระกูลหลิงจะมีพลังและอำนาจ
แต่รากฐานของตระกูลหลิงก็ยังไม่ได้ฝังลึกในอาณาจักรมาก มีเพียงไม่กี่คนในตระกูลหลิงเท่านั้นที่มีความสามารถและพวกเขาก็ยังไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับตระกูลใหญ่อื่นๆที่มีประวัติมายาวนานหลายร้อยปีได้
แน่นอนว่าตระกูลเหล่านั้นย่อมมีทรัพยากรที่เก็บสะสมมากกว่าและทรัพยากรของพวกนั้นคงมีมากมายเท่าความสูงของภูเขา
เมื่อเขาได้เข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้
สิ่งแรกที่หลิงเทียนทำคือหายใจเข้าลึกๆ ! ; พระเจ้า ตระกูลปัญญาอ่อนเช่นนี้มีหรือจะสามารถชนะเหล่าผู้มีอำนาจอื่นๆและมีตำแหน่งในอาณาจักรที่มีแต่การแข่งขันนี้ได้
? แถมพวกเขาขยายอำนาจออกไปโดยไม่สนใจขอบเขต ? แม้เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใจสำหรับหลิงเทียน
! แต่คนพวกนี้มองโลกในแง่ดีเกินไป ไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังจะพาตัวเองกลับกลายไปเป็นเนื้ออันแสนอร่อย
? ในโลกนี้มีอะไรที่จะง่ายดายขนาดนั้น ? นี่มันเป็นเรื่องตลกเกินไป ! หลิงเทียนแทบไม่อยากจะเชื่อ
มีเพียงเหตุผลเดียวที่ยังทำให้ตระกูลหลิงยังสามารถเพลิดเพลินไปกับอำนาจและยังไม่ถูกกวาดล้าง
; มีใครบางคนประคองไม่ให้พวกเขาถูกกำจัด ! นอกจากนี้ไม่ได้มีเพียงอำนาจเดียว ; ต้องมีผู้มีอำนาจมากกว่าหนึ่งที่คอยสนับสนุนตระกูลหลิงในเงามืด
และผู้มีอำนาจเหล่านั้นแน่นอนว่าต้องสนับสนุนตระกูลหลิงโดยไม่มีเจตนาใดๆ คล้ายกับตระกูลหยางที่อยู่ร่วมกันกับตระกูลหลิงในอาณาจักรครองฟ้าแห่งนี้
หากมองอีกมุมมองหนึ่งเหมือนกับว่าตระกูลหลิงนั้นมีต้นไม้ใหญ่คอยอุ้มชูและแบ่งปันความรุ่งโรจน์
แม้ว่าทั้งสองตระกูลนั้นจะเป็นศัตรูกันแต่หลิงเทียนนั้นเชื่อว่าความเกลียดชังเหล่านี้นั้นเป็นเพราะตระกูลหยางเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา
และต่อจากนี้ความปฎิปักษ์ระหว่างสองตระกูลก็จะค่อยๆฝังลึกลงไปอย่างช้าๆจนกระทั่งไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมโลกกันอย่างสงบสุขได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตระกูลหลิงนั้นยังรอดอยู่ได้ก็เพราะจักรพรรดิองค์ก่อนหลงเฉิงเทียน
และผู้นำตระกูลหยางคนก่อนก็คือผู้ที่สนับสนุนตระกูลหยางให้ลุกขึ้นสู้ !
ตระกูลหยางนั้นไม่มีทางเลือกมากนั้นทำได้แค่เพียงถอนหลังกลับ
ตระกูลหลิงมีความสำคัญเทียบเท่าตระกูลหยางก็เพราะเหตุผลเดียวกันและเหตุผลที่จักรพรรดิสนับสนุนตระกูลหลิงก็เพื่อเป็นไม้เบื่อไม้เมากับตระกูลหยางเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขามีอำนาจมากเกินไปในอาณาจักรครองฟ้าและมันก็ประสบความสำเร็จโดยสมบูรณ์
มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้หลิงเทียนเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้ตระกูลของเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นไม่ใช่เรื่องที่ธรรมดาและง่ายอย่างที่เห็น
มันต้องมีผู้ที่อยู่ในเงามืดของตระกูลมหาอำนาจอื่นๆอยู่อีกแน่นอน ตระกูลมหาอำนาจอีกหลายตระกูลนั้นแน่นอนว่าไม่ต้องการเห็นตระกูลหยางหรือตระกูลหลิงตระกูลใดตระกูลหนึ่งมีอำนาจเหนือพวกเขาในอาณาจักรครองฟ้าและกลายเป็นภัยคุกคามสำหรับพวกมันในอนาคต
ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะสนับสนุนตระกูลหลิงเพื่อต่อกรกับตระกูลหยาง
หลิงเทียนสรุปได้เลยว่าตระกูลของเขานั้นไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าตระกูลที่มีอำนาจขึ้นมาแบบผิดปกติซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้
หลิงเทียนรู้สึกได้ว่ามีสายลับมากมายจากพระราชวังและตระกูลหยางอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิง
พอหลิงเทียนคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึง
สิ่งแรกที่หลิงเทียนตัดสินใจทำก็คือเขาต้องทำให้ตัวเองตกต่ำลงจนกว่าเขาจะสามารถปกป้องตัวเองและตระกูลได้
เขาพยายามที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงและไม่สร้างความสนใจจากตระกูลอื่นๆ เพราะถ้าหากว่าเขาปล่อยให้พวกมันรู้ว่าผู้สืบทอดของตระกูลหลิงนั้นเป็นอัจฉริยะที่สามารถท้าทายสวรรค์ล่ะก็
โชคของตระกูลของเขาก็คงจะต้องถึงคราวอวสาน !
หลังจากที่วางแผนมานาน
หลิงเทียนก็ก้าวเท้าแรกออกไปแล้วด้วยการแกล้งเป็นคนอ่อนแอในพิธี ‘ขวบปีเลือกสรร’ ในวันนี้ หลิงเทียนรู้ว่าในตอนที่เขาเลือกถุงหอมนั้น
เขาจะต้องกลายเป็นตัวตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปไปอีกหลายปี และในเวลาเดียวกันขณะที่พวกมันกำลังหัวเราะเยาะเขา
พวกมันก็จะลดการป้องกันลงอย่างแน่นอน ; การเลือกของทารกผู้นี้คงสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่น่ากลัวของตระกูลไปได้อย่างน้อยสามถึงห้าปีเป็นอย่างต่ำ
แม้ว่าข้าต้องกลายเป็นตัวตลกของทุกคน แต่นั่นมันก็คุ้ม !! ;
ตราบเท่าที่เขายังคงทำตัวอ่อนแอต่อไป
เขาก็จะค่อยๆจัดระเบียบเรื่องราวต่างๆด้วยประสบการณ์จากชาติที่แล้วของเขา
หลังจากที่เขามีพลังอำนาจมากพอ พวกมันจะต้องตกใจและตระหนักว่าพวกมันได้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับเขาไปแล้ว
!
; ฮี่ๆๆ
บิดาผู้นี้เป็นสุดยอดอัจฉริยะที่สุดในศตวรรษที่ 21 ข้าจะจัดการกับพวกป่าเถื่อนที่สมองไม่ได้รับการพัฒนาอย่างพวกมัน
เสร็จแล้วข้าจะสอนให้พวกมันรู้ว่าความยุติธรรมในโลกนี้มันเป็นแค่เรื่องโง่เง่า !
; หลิงเทียนคิดกับตัวเอง
แน่นอนว่าหลิงเทียนรู้สึกว่าทุกวันนี้มันไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ
เหตุผลที่ว่าก็คือมีคนเปิดเผยเจตนาสังหารเขาตั้งแต่วันแรกที่เกิดขึ้นมา ตั้งแต่ที่หลิงเทียนเจอมันเมื่อครานั้น
หลิงเทียนก็ไม่เคยเจอมันอีกเลย หลิงเทียนไม่เคยลืมเรื่องของมันเพราะว่ามันเป็นเหมือนงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลของเขา
! มันต้องเป็นตัวอันตรายที่สุดและหลิงเทียนนั้นก็ไม่รู้ว่ามีงูพิษอีกกี่ตัวที่แฝงอยู่ในตระกูลของเขา
เจ้างูพิษโสโครกนั้นไปอยู่ที่ไหนในปีที่ผ่านมา ? มันกำลังวางแผนทำอะไร
? มันจะทำอันตรายต่อตระกูลหรือไม่ ?