บทที่ 13 : แสร้งทำเป็นอ่อนแอ



สวนหลังคฤหาสต์ตระกูลหลิง


หลังจากที่ได้เล่นตลกแล้ว หลิงเทียนก็ได้รับการลงโทษ ก้นที่เคยขาวราวกับหิมะของเขาบัดนี้มีรอยประทับของฝ่ามือขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นเพราะฝีมือของบิดาของเขา


หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทุกอย่าง หลิงซานก็ได้โอกาสให้บทเรียนแก่หลิงเซียว ราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ เขาตำหนิหลิงเซียวอย่างรุนแรง เมื่อหลิงเซียวทำได้เพียงหนีออกมาอย่างน่าสมเพช แต่ยังไงเขาก็ยังคงถูกบิดาฟาดด้วยไม้ถึงสองครั้งด้วยความโกรธ กระเพาะอาหารของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธแทนที่จะเป็นอาหารที่เพิ่งกินไป เป็นธรรมดาที่หลิงเซียวจะไม่พอใจอย่างมาก เมื่อเขากลับมาถึงห้องนอนและมองเห็นหลิงเทียน เขาตบไปที่ก้นของหลิงเทียนโดยไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว หลังจากนั้นเขาก็ถูกโยนออกจาห้องโดยชูถิงเอ๋อร์ที่โกรธเกรี้ยวราวกับสิงโตตัวเมีย


จากนั้นชูถิงเออร์ก็เริ่มป้ายยาให้กับก้นของหลิงเทียนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและปวดใจ ขณะที่นางกำลังทายาให้กับหลิงเทียนน้ำตาของนางก็เริ่มไหลออกมาด้วยความโศกเศร้า หลิงเทียนรู้สึกแปลกๆเพราะด้วยจิตวิญญาณที่มีอายุ 25 ปี แต่เขากลับมีมารดาที่อายุน้อยกว่าเขาแถมตอนนี้ร่างกายของเขากลับเปลือยล่อนจ้อนตรงหน้ามารดาที่กำลังคลึงก้นของเขาและปลอบโยนเขา


เดิมทีแล้วตัวของหลิงเทียนนั้นเป็นคนที่ขี้อายเป็นอย่างมาก เขาแม้กระทั่งคิดว่าเขาอาจจะมีความคิดสกปรกอยู่ในหัวหากว่าได้เห็นอะไรบางอย่างของสตรีที่เป็นมารดาของเขา แต่เอาเข้าจริงมันกลับไม่เป็นแบบนั้น หลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจมากที่หัวใจของเขากลับบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง ! ขณะที่มือของมารดากำลังสัมผัสเขา เขารู้สึกว่าร่างกายของเขารู้สึกสบายมากๆ จากมือที่อ่อนโยนและสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก หลิงเทียนรู้สึกอึดอัดลึกๆในจมูกของเขาจู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาอาบแก้ม


ในอดีตนั้นเขาเคยปรารถนาที่จะได้รับการดูแลและความรักจากมารดา แต่ในชาติที่แล้วแม่ของเขาได้ทิ้งเขาไว้บนกองดินและมีเพียงรูปถ่ายหลงเหลืออยู่ไม่กี่ใบซีดเซียวจนแทบดูไม่ออก ในชาติที่แล้วนั้นหลิงเทียนนึกภาพของมารดาได้เพียงแค่ความฝันในยามค่ำคืนเท่านั้นแต่ตอนนี้ แต่ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในชาติที่แล้วกลับกลายเป็นจริงตรงหน้าของเขา ! หลิงเทียนรู้สึกตื้นตันใจมาก


อั้ยหยาเจ้าวัวดื้อนี่ เหตุใดเขาถึงต้องหนักมือกับลูกชายตนเองเช่นนี้ ? ข้าต้องสอนบทเรียนให้เขาภายหลัง เขาทำเกินไป เขาจะทำให้สตรีชราผู้นี้โกรธตาย ถิงเอ๋อ เจ้าไม่ต้องเศร้าใจไป ขนาดเทียนเอ๋อยังไม่ร้องไห้เลย ช่างเป็นเด็กดีอะไรเช่นนี้… ” นายหญิงใหญ่หลิงเดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ พอนางมองเห็นรอยฝ่ามือบนก้นของหลานชายของนาง นางพลันรู้สึกโกรธและเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ


ชูถิงเอ๋อร์เช็ดน้ำตาออกไปและกลืนความเศร้าลงไป นี่คงจะโทษสามีของข้าไม่ได้ มันเป็นความจริงที่ว่าเจ้าเด็กคนนี้น่าผิดหวังเกินไป จากสิ่งของมากมายทั้งหมดเขากลับเลือก….เขากลับเลือกถุงหอมของน้าของเขา ทำให้ปู่ของเขาโกรธ มันก็ถูกแล้วที่เขาจะโดนตี


สายตานายหญิงใหญ่หลิงหรี่ลงก่อนจะดุด้วยความโกรธ ไม่ต้องไปพูดถึงไอ้แก่โง่นั่น ! มันรู้จักเพียงแค่การกังวลกับภาพลักษณ์ของตัวเองเท่านั้น แล้วยังไงหากว่าหลานชายของเขาชอบถุงหอม ? ใครเล่าที่จะไม่ชอบอะไรบางอย่างที่มีกลิ่นหอม ? นอกเหนือจากนี้ ถ้าหากว่าหลายชายของข้าชมชอบเหล่าสตรีในอนาคต อย่าบอกข้าว่าเราจะไม่ช่วยหาสตรีที่ดีที่สุดเพื่อเขา ? อย่าบอกข้าว่าเราจะไม่พยายามหาเหล่าสตรีที่ดี ไอ้แก่นั้นก็ลูกชายคู่นั้นแค่กำลังพยายามยกภูเขาออกจากจอมปลวก [ TL : เป็นสำนวนที่หมายความว่า ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ] ปล่อยให้หญิงแก่ผู้นี้ด่าสามีเจ้าสักครั้งเถอะ ข้าจะสั่งสอนเขาเอง ! ข้าควรจะเร็วกว่านี้ก่อนที่มันจะเหิมเกริมทำร้ายหลานชายของข้า แต่ข้าก็ยังคงมาช้าและช่วยอะไรไม่ได้ครั้งนี้ ! ฮึ่ม !! มาดูกันว่าข้าจะสอนบทเรียนอะไรให้เขาในภายหลัง ! … อั้ยหยา , เจ้าหลานชายงี่เง่าของข้า ลองดูที่ผิวอันเรียบเนียนของเขาสิเหตุใดถึงต้องถูกแต้มไปด้วยฝ่ามือ ? มานี่มาให้ยายกอดเจ้าฮ่าๆๆ เจ้าเชื่อฟังง่ายดายเกินไป ! ”


หลิงเทียนรู้สึกดีใจมาก ; ท่านยายช่างน่าเหลือเชื่อ ดูเหมือนว่าในสายตาของหญิงชราผู้นี้ ทุกๆอย่างที่ข้าทำนั้นจะกลายเป็นถูก ดูเหมือนข้าทุกอย่างที่ข้าจะทำต้องได้รับการสนับสนุนจากนาง ฮ่าๆๆๆ ข้าชอบใจยิ่งนัก ! ;


หลังจากที่อยู่ที่นี่มาได้หนึ่งปีแล้ว หลิงเทียนก็ค่อนข้างเข้าใจว่าตระกูลหลิงมีความสำคัญและมีอำนาจเพียงใด หลังจากที่เขาเข้าใจเรื่องทั้งหมดนั่น ในใจลึกๆของหลิงเทียนก็สั่งการณ์ออกมาอย่างฉลาด ; ความยากลำบากนั้นจะสร้างวีรบุรุษ !


ผู้นำตระกูลหลิง หลิงซานนั้นเป็นวีรบุรุษที่เกิดมาจากช่วงเวลาแห่งความลำบาก ! ตระกูลหลิงเดิมทีนั้นเป็นเพียงตระกูลระดับกลาง ในช่วงเวลานั้นหลิงซานผู้ซึ่งยังคงเป็นเพียงนายน้อยของตระกูลได้พบกับหลงเฉิงเทียนและในโอกาสนั้น ทั้งสองก็เข้ากันได้ดีและต่อมาก็ได้สาบานเป็นพี่น้องกัน หลังจากนั้นตระกูลหลิงก็ได้กลายเป็นหัวหอกให้กับหลงเฉิงเทียน ! ในช่วงที่เกิดสงคราม ชนชั้นสูงที่ยอมสละเลือดเนื้อและร่างกายล้วนเป็นผู้คนจากตระกูลหลิง หลิงซานนั้นลุกขึ้นสู้ด้วยร่างกายที่ย้อมไปด้วยเลือดและได้กลายเป็นผู้ชนะในสงครามอันยิ่งใหญ่ในครั้งนั้น ! เขาได้กลายเป็นผู้ที่นำพาชัยชนะและได้ร่วมก่อตั้งอาณาจักรครองฟ้าหลังจากที่ได้ก้าวผ่านศพศัตรูนับไม่ถ้วนในสนามรบ ตระกูลหลิงจึงได้รับการเลื่อนขั้นเทียบเท่าหนึ่งในห้าตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและกลายเป็นตระกูลที่ลำดับที่หก !


ตามที่หลิงเทียนเข้าใจมาตลอดหนึ่งปีนั้น หลิงซานนั้นไม่ได้เป็นบุคคลที่เจ้าเล่ห์เพทุบายเหมือนที่หลายๆคนคิด เหตุผลเดียวที่ทำให้เขายิ่งใหญ่ได้ในทุกวันนี้ก็สืบเนื่องมาจากโอกาสที่เขาได้เจอและเป็นเพียงความโชคดีที่เขาไม่ตายในสนามรบเท่านั้น เมื่ออาณาจักรครองฟ้าต้องการผู้บัญชาการเหล่าแม่ทัพและทหารทั้งหลายด้วยความกล้าหาญและศักดิ์ศรี หลิงเทียนจึงเสนอหน้าที่รับผิดชอบในฐานะจอมพลผู้เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพในอาณาจักร เขาได้นำทัพไปทำสงครามขยายอาณาเขตให้กับอาณาจักรครองฟ้าและประสบความสำเร็จมากมาย ต่อมาลูกชายของเขาก็ได้รับสืบทอดตำนานของเขาและกลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าบิดา แต่เขาก็ยังมีข้อเสียที่ใหญ่มากคือเขารับทัศนคติที่ตรงไปตรงมาของหลิงซานมามากมายเกินไป


แม้ว่าตอนนี้ตระกูลหลิงจะมีพลังและอำนาจ แต่รากฐานของตระกูลหลิงก็ยังไม่ได้ฝังลึกในอาณาจักรมาก มีเพียงไม่กี่คนในตระกูลหลิงเท่านั้นที่มีความสามารถและพวกเขาก็ยังไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับตระกูลใหญ่อื่นๆที่มีประวัติมายาวนานหลายร้อยปีได้ แน่นอนว่าตระกูลเหล่านั้นย่อมมีทรัพยากรที่เก็บสะสมมากกว่าและทรัพยากรของพวกนั้นคงมีมากมายเท่าความสูงของภูเขา


เมื่อเขาได้เข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ สิ่งแรกที่หลิงเทียนทำคือหายใจเข้าลึกๆ ! ; พระเจ้า ตระกูลปัญญาอ่อนเช่นนี้มีหรือจะสามารถชนะเหล่าผู้มีอำนาจอื่นๆและมีตำแหน่งในอาณาจักรที่มีแต่การแข่งขันนี้ได้ ? แถมพวกเขาขยายอำนาจออกไปโดยไม่สนใจขอบเขต ? แม้เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใจสำหรับหลิงเทียน ! แต่คนพวกนี้มองโลกในแง่ดีเกินไป ไม่ใช่ว่าพวกเขากำลังจะพาตัวเองกลับกลายไปเป็นเนื้ออันแสนอร่อย ? ในโลกนี้มีอะไรที่จะง่ายดายขนาดนั้น ? นี่มันเป็นเรื่องตลกเกินไป ! หลิงเทียนแทบไม่อยากจะเชื่อ


มีเพียงเหตุผลเดียวที่ยังทำให้ตระกูลหลิงยังสามารถเพลิดเพลินไปกับอำนาจและยังไม่ถูกกวาดล้าง ;  มีใครบางคนประคองไม่ให้พวกเขาถูกกำจัด ! นอกจากนี้ไม่ได้มีเพียงอำนาจเดียว ; ต้องมีผู้มีอำนาจมากกว่าหนึ่งที่คอยสนับสนุนตระกูลหลิงในเงามืด และผู้มีอำนาจเหล่านั้นแน่นอนว่าต้องสนับสนุนตระกูลหลิงโดยไม่มีเจตนาใดๆ คล้ายกับตระกูลหยางที่อยู่ร่วมกันกับตระกูลหลิงในอาณาจักรครองฟ้าแห่งนี้ หากมองอีกมุมมองหนึ่งเหมือนกับว่าตระกูลหลิงนั้นมีต้นไม้ใหญ่คอยอุ้มชูและแบ่งปันความรุ่งโรจน์ แม้ว่าทั้งสองตระกูลนั้นจะเป็นศัตรูกันแต่หลิงเทียนนั้นเชื่อว่าความเกลียดชังเหล่านี้นั้นเป็นเพราะตระกูลหยางเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา และต่อจากนี้ความปฎิปักษ์ระหว่างสองตระกูลก็จะค่อยๆฝังลึกลงไปอย่างช้าๆจนกระทั่งไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมโลกกันอย่างสงบสุขได้  กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตระกูลหลิงนั้นยังรอดอยู่ได้ก็เพราะจักรพรรดิองค์ก่อนหลงเฉิงเทียน และผู้นำตระกูลหยางคนก่อนก็คือผู้ที่สนับสนุนตระกูลหยางให้ลุกขึ้นสู้ !


ตระกูลหยางนั้นไม่มีทางเลือกมากนั้นทำได้แค่เพียงถอนหลังกลับ ตระกูลหลิงมีความสำคัญเทียบเท่าตระกูลหยางก็เพราะเหตุผลเดียวกันและเหตุผลที่จักรพรรดิสนับสนุนตระกูลหลิงก็เพื่อเป็นไม้เบื่อไม้เมากับตระกูลหยางเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขามีอำนาจมากเกินไปในอาณาจักรครองฟ้าและมันก็ประสบความสำเร็จโดยสมบูรณ์


มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้หลิงเทียนเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้ตระกูลของเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นไม่ใช่เรื่องที่ธรรมดาและง่ายอย่างที่เห็น มันต้องมีผู้ที่อยู่ในเงามืดของตระกูลมหาอำนาจอื่นๆอยู่อีกแน่นอน ตระกูลมหาอำนาจอีกหลายตระกูลนั้นแน่นอนว่าไม่ต้องการเห็นตระกูลหยางหรือตระกูลหลิงตระกูลใดตระกูลหนึ่งมีอำนาจเหนือพวกเขาในอาณาจักรครองฟ้าและกลายเป็นภัยคุกคามสำหรับพวกมันในอนาคต ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะสนับสนุนตระกูลหลิงเพื่อต่อกรกับตระกูลหยาง หลิงเทียนสรุปได้เลยว่าตระกูลของเขานั้นไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าตระกูลที่มีอำนาจขึ้นมาแบบผิดปกติซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้


หลิงเทียนรู้สึกได้ว่ามีสายลับมากมายจากพระราชวังและตระกูลหยางอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิง พอหลิงเทียนคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึง


สิ่งแรกที่หลิงเทียนตัดสินใจทำก็คือเขาต้องทำให้ตัวเองตกต่ำลงจนกว่าเขาจะสามารถปกป้องตัวเองและตระกูลได้ เขาพยายามที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงและไม่สร้างความสนใจจากตระกูลอื่นๆ เพราะถ้าหากว่าเขาปล่อยให้พวกมันรู้ว่าผู้สืบทอดของตระกูลหลิงนั้นเป็นอัจฉริยะที่สามารถท้าทายสวรรค์ล่ะก็ โชคของตระกูลของเขาก็คงจะต้องถึงคราวอวสาน !


หลังจากที่วางแผนมานาน หลิงเทียนก็ก้าวเท้าแรกออกไปแล้วด้วยการแกล้งเป็นคนอ่อนแอในพิธี ขวบปีเลือกสรร ในวันนี้ หลิงเทียนรู้ว่าในตอนที่เขาเลือกถุงหอมนั้น เขาจะต้องกลายเป็นตัวตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปไปอีกหลายปี และในเวลาเดียวกันขณะที่พวกมันกำลังหัวเราะเยาะเขา พวกมันก็จะลดการป้องกันลงอย่างแน่นอน ; การเลือกของทารกผู้นี้คงสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่น่ากลัวของตระกูลไปได้อย่างน้อยสามถึงห้าปีเป็นอย่างต่ำ แม้ว่าข้าต้องกลายเป็นตัวตลกของทุกคน แต่นั่นมันก็คุ้ม !! ;


ตราบเท่าที่เขายังคงทำตัวอ่อนแอต่อไป เขาก็จะค่อยๆจัดระเบียบเรื่องราวต่างๆด้วยประสบการณ์จากชาติที่แล้วของเขา หลังจากที่เขามีพลังอำนาจมากพอ พวกมันจะต้องตกใจและตระหนักว่าพวกมันได้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับเขาไปแล้ว !


; ฮี่ๆๆ บิดาผู้นี้เป็นสุดยอดอัจฉริยะที่สุดในศตวรรษที่ 21 ข้าจะจัดการกับพวกป่าเถื่อนที่สมองไม่ได้รับการพัฒนาอย่างพวกมัน เสร็จแล้วข้าจะสอนให้พวกมันรู้ว่าความยุติธรรมในโลกนี้มันเป็นแค่เรื่องโง่เง่า ! ; หลิงเทียนคิดกับตัวเอง


แน่นอนว่าหลิงเทียนรู้สึกว่าทุกวันนี้มันไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ เหตุผลที่ว่าก็คือมีคนเปิดเผยเจตนาสังหารเขาตั้งแต่วันแรกที่เกิดขึ้นมา ตั้งแต่ที่หลิงเทียนเจอมันเมื่อครานั้น หลิงเทียนก็ไม่เคยเจอมันอีกเลย หลิงเทียนไม่เคยลืมเรื่องของมันเพราะว่ามันเป็นเหมือนงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลของเขา ! มันต้องเป็นตัวอันตรายที่สุดและหลิงเทียนนั้นก็ไม่รู้ว่ามีงูพิษอีกกี่ตัวที่แฝงอยู่ในตระกูลของเขา


เจ้างูพิษโสโครกนั้นไปอยู่ที่ไหนในปีที่ผ่านมา ? มันกำลังวางแผนทำอะไร ? มันจะทำอันตรายต่อตระกูลหรือไม่ ?