#
เปลี่ยนจากเจ้าหน้าที่ เป็น ขุนนาง ครับ
“ ท่านอาวุโสหลิง ! ” อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิที่สุดก็ไม่สามารถทนนั่งต่อไปได้ในสถานการณ์เช่นนี้เพราะเกรงว่าอ๋องหลิงที่กำลังร้อนระอุดังเพลิงที่พร้อมจะปะทุจะไปจัดการกับหลานทั้งสามคนของตระกูลหยางจริงๆ
หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นล่ะก็ ทั่วทั้งอาณาจักรของเขาต้องสั่นสะเทือน
ร้ายแรงที่สุดคืออาจจะถูกลบหายไปจากโลกในการต่อสู้ของสองตระกูลนี้เลยก็เป็นได้ !
“ ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามสิ่งที่น้องหญิงได้ทำผิดพลาดไปในวันนี้ท่านอาวุโสหลิงมั่นใจได้เลยว่าข้าจะให้คำตอบที่เหมาะสมแก่ท่านแน่นอน
! ”
จักรพรรดิไม่มีทางเลือกอื่น
เขาเป็นถึงผู้ปกครองอาณาจักรแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะยั่วยุตาแก่ทั้งสองนี้ ! เขาจำเป็นต้องลดความหยิ่งยโสลงและเก็บมันไว้ภายในใจ
เขาได้แต่คิดกับตัวเองว่า ‘ ในทุกยุคสมัยของจักรพรรดิ
ข้านั้นคงอาจจะถือว่าเป็นบุคคลที่ขี้คลาดและใจเสาะเป็นที่สุด ตอนนี้ แม้กระทั่งมันสองคนที่อยู่ใต้อำนาจของข้าแต่ข้าก็ยังไม่มีความกล้าที่จะไปกระตุ้นมันทั้งสอง
! ถ้าหากว่าพวกมันไม่ใช่แกนหลักในความมั่นคงของอาณาจักรล่ะก็ข้าก็คงไม่ต้องมาอดกลั้นความโกรธไว้เช่นนี้
? ’ [ TL : ถ้าขาดสองคนนี้อาณาจักรจะอ่อนแอลงและอาจจะแพ้สงครามกับอาณาจักรอื่นๆได้ง่าย
]
พอจักรพรรดิพูดเช่นนี้แล้วถึงแม้ว่าหลิงซานจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ยังคงต้องไว้หน้าจักรพรรดิและเดินกลับหลังไป
เพราะผู้ที่พูดเป็นถึงจักรพรรดิ หากว่าเขากล้าตบหน้าจักรพรรดิท่านกลางเหล่าผู้คนและทหารมากมายขึ้นมา
มันก็จะกลายเป็นจุดจบของตระกูลหลิง ดูเหมือนว่าหลิงซานจำเป็นต้องรอเวลาในเรื่องที่จักรพรรดินีทำผิดในวันนี้
หลังจากที่ได้สติหลังจากเสียไปกับความโกรธเมื่อก่อนหน้านี้
ในหัวของหลิงซานก็รู้สึกโล่งขึ้น เขาเริ่มหาเหตุผลว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องอุกอาจที่ง่ายดายจนเกินจะเชื่อได้;
ข้ารู้จักเจ้ามารเฒ่าเจ้าเล่ห์หยางกงซุนเป็นอย่างดี แต่เหตุใดคนอย่างมันถึงได้ใช้แผนที่ดูโง่เง่าแบบนี้ได้?
พวกเราได้ฟาดฟันกันมาเกือบทั้งชีวิต นี่ไม่ใช่นิสัยของมันที่หยิ่งยะโสแน่ๆ
… หลิงซานยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนใบหน้าก็เริ่มเต็มไปด้วยความหดหู่จึงสั่นหัวของเขาเบาๆเพื่อไล่ความคิดทั้งหลายออกไป
ในเวลานี้จักรพรรดินีหยางเสวี่ยถูกพากลับไปที่พระราชวังโดยหยางกงซุน
เนื่องจากหยางกงซุนไม่มั่นใจในความปลอดภัยของนาง ในฐานะผู้นำตระกูลหยาง หยางกงซุนนั้นคุ้นเคยดีกับนิสัยของศัตรูตลอดกาลของเขาหลิงซาน
! ชายผู้นั้นไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองแม้แต่น้อย
! ; ถึงแม้ว่าลูกสาวของเขาจะได้สวมมงกุฎจักรพรรดินี
แต่ในสายตาของเจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่นมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับมัน ถ้าหากว่าไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสมต่อเหตุการณ์ในวันนี้ให้กับมัน
ต่อให้ลูกสาวของเขามีชื่อเป็นถึงจักรพรรดินี…หัวของนางก็คงหลุดออกจากบ่าอยู่ดี
!
ก่อนที่พวกเขาจะออกไป
หยางกงซุนหันกลับมาและมองไปที่หลิงซานก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ หลิงซาน เราทั้งคู่ต่างสู้กันมาเกือบทั้งชีวิตของพวกเรา
เจ้าและข้าต่างรู้นิสัยใจคอกันอย่างดี !
ถ้าหากว่าข้าต้องการชีวิตของหลานชายของเจ้าจริงๆ
เหตุใดข้าจึงต้องมาสร้างสถานการณ์ที่บ้าบิ่นในสถานที่ของเจ้าเช่นนี้ ? ขณะที่ข้าคงไม่สามารถป้องกันตัวเองจากผู้คนในตระกูลหลิงทั้งหมดของเจ้าได้
เจ้าคิดว่าข้าจะเอาชีวิตอันน้อยๆของหลานชายเจ้ามาแลกกับชีวิตอันมีค่าของข้า หยางกงซุน
เชียวรึ ? ”
หยางกงซุนแสดงออกมาด้วยความจริงจังในคำพูดของเขาและแสดงให้เห็นถึงความดื้นด้านของเขา
! หลังจากที่เขาพูดจบ
เหล่าผู้คนและทหารแม้กระทั่งจักรพรรดิที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ต่างคิดในใจเหมือนกัน ‘
ไร้ยางอายเกินไป ! ’ … แต่อย่างไรก็ตาม
หยางกงซุนรู้ว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถปกป้องลูกสาวของตนได้ สิ่งที่เขาพูดนี้คงจะยับยั้งเพลิงโทสะของหลิงซานได้บ้าง
ถึงแม้ว่าคำพูดนี้จะดูเหมือนว่าเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและความมั่นใจแต่มันเป็นเพียงสิ่งที่หยางกงซุนต้องการอธิบายให้แก่หลิงซานจนตัวมันเองถึงกับยอมแสดงความอ่อนแอออกมา
นี่แสดงให้เห็นว่าตัวของหยางกงซุนยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหลิงซานในเหตุการณ์ครั้งนี้ คนที่มีความหยิ่งยโสและความภาคภูมิใจเช่นหยางกงซุนนี่เป็นสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าความตายแต่เขาจะทำอะไรได้เพราะไม่ว่าตัวเขาจะโกรธแค้นหรือเสียใจแค่ไหนมันก็จำเป็นต้องอดกลั้น
เพราะตัวมันไม่สามารถเทียบได้กับหลิงซานผู้ที่ไม่สนใจแม้แต่ฟ้าหรือสวรรค์ในตอนที่มันโกรธ
!
จิ้งจอกเฒ่าเช่นหลิงซานสามารถทำได้ทุกอย่างต่อให้ขัดคำสั่งของจักรพรรดิก็ตาม !
ได้ยินคำประกาศจากปากของหยางกงซุนใบหน้าของจักรพรรดิกระตุกเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตามคำพูดพูดน่ารังเกียจพวกนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตระกูลราชวงศ์
อย่างน้อยตระกูลทั้งสองก็จะไม่สร้างปัญหาใดๆไปสักพัก
อย่างไรก็ตามลึกๆในใจของจักรพรรดิหลงเซี่ยงรู้สึกหดหู่อย่างมาก
ในชีวิตนี้เขาไม่เคยรู้สึกต้องการฆ่าล้างตระกูลที่ทรงอำนาจทั้งสองตระกูลมากเท่าวันนี้เลย
! เห็นได้ชัดเลยว่าตาแก่ทั้งสองอยู่มานานจนเกินไป
นานจนจุดยืนของตระกูลราชวงศ์นั้นแทบจะไม่มีความมั่นคง
แต่ทว่าหากหนึ่งในสองคนนี้เกิดหายไป รากฐานของอาณาจักรครองฟ้าคงต้องถึงจุดจบ !
มันไม่มีตัวเลือกมานักสำหรับเขาผู้เป็นถึงจักรพรรดิ
เพื่อความอยู่รอดของอาณาจักรเขาจำเป็นต้องอดกลั้น
หลังจากหมดคำพูดแล้ว
หยางกงซุนก็สะบัดตัวออกไปทันที…หลิงซานยืนขมวดคิ้ว เขาตกอยู่ในห้วงความคิดก่อนที่อยู่ๆจะยิ้มออกมาราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องราวอันใดเกินขึ้นมาก่อน
“ ขอบคุณสำหรับความเมตตาจากทุกๆท่านในวันที่ควรค่าแก่เฉลิมฉลองวันนี้
ตาแก่อย่างข้ารู้สึกตื้นตันเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะองค์จักรพรรดิผู้เมตตาที่มาเยี่ยมเยือนและมอบของขวัญให้แก่หลานชายของข้า
” พอพูดเสร็จ หลิงซานก็โค้งตัวลงเพื่อแสดงความขอบคุณ
จักรพรรดิหลงเซียงรีบเข้าไปพยุงหลิงซานและยิ้มออกมา
“ อาวุโสท่านสุภาพเกินไปแล้ว
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ข้ารู้สึกลำบากใจยิ่งนัก ”
หลิงซานหัวเราะออกมาก่อนจะตอบอย่างสุภาพ
“ ท่านก็พูดเกินไปจักรพรรดิ
! ” ในตอนนี้สายตาของเขาก็เกิดประกายขึ้นมา “ ทุกๆท่านในเวลานี้ก็สมควรแล้ว
ตาแก่เช่นข้าอยากจะรู้นักว่าหลานชายของข้าจะหยิบของชิ้นไหนขึ้นมา ฮ่าๆๆ ! ”
ไม่แปลกใจที่ฝูงชนแทบจะก้มกราบหลิงซานด้วยความนับถือ
! หากคนธรรมดาต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ล่ะก็
พวกเขาคงต้องบันดาลโทสะออกมาโดยไม่สนใจถึงเหตุผลไปแล้ว ! แต่ทว่าดยุคหลิงกลับจ้องมองเพียงแค่พริบตาก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
! เทคนิคการแปรเปลี่ยนใบหน้าและอารมณ์ของเขาบรรลุถึงจุดสูงสุดของมันแน่แล้ว
! เขาทำอย่างกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นและยังคงให้หลานชายของเขาที่เกือบตายก่อนหน้านี้มาเลือกสิ่งของต่อ
นี่คงแสดงให้เห็นถึงความจริงที่ว่าเขาเป็นคนที่มีอำนาจที่สามารถปกครองแม้กระทั่งสวรรค์ตั้งแต่ยังหนุ่ม
จนกระทั่งตอนนี้แม้กาลเวลาจะผ่านล่วงเลยมาถึงกว่าสี่สิบปีแต่เขาก็ยังคงซ่อนความน่าเกรงขามนั้นไว้ใต้แขนเสื้อทั้งสองข้างของเขา
!
เหล่าขุนนางที่มีความขัดแย้งกันในตอนแรกลึกๆในใจของพวกเขาในตอนนี้แอบถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ
กลายเป็นว่าตาแก่เจ้าเล่ห์ผู้นี้แกล้งแสดงเป็นหมูกินเสือ
โชคยังดีที่ไม่มีใครมีความกล้าที่จะเข้าไปท้าทายเขา…เป็นอีกครั้งที่ทุกคนจำเป็นต้องประเมิณความสามารถของตระกูลหลิงซะใหม่
ในใจของหลิงเทียนนั้นรู้สึกว่าปู่ของเขานั้นควรอยู่ในโลกของเขาและไปแสดงในโรงละครโอเปราระดับโลกซะ
!!!
ในความเป็นจริงแล้วทุกคนในที่นี้ประเมิณหลิงซานสูงเกินไปเพราะหลิงซานก็ยังไม่รู้ว่าว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คงไม่ใช่ฝีมือของหยางกงซุน
[ TL :
เป็นเพราะหลานเอ็งไงไปหยิกหัวนมเค้า ]
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้
หยางกงซุนกำลังนั่งอยู่ในรถลากกับลูกสาวของมัน จักรพรรดินีหยางเสวี่ย
ใบหน้าของทั้งคู่นั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด “ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ?
หรือว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ? ”
หยางเสวี่ยแทบอยากจะร้องไห้แต่น้ำตากลับไม่ยอมไหลออกมา…แม้แต่บิดาของนางก็ยังสงสัยนาง
! “ ท่านพ่อ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ
! ”
หยางกงซุนมองไปที่ใบหน้าของนางก่อนจะพิจารณาจากสีหน้าของนางอย่างลึกซึ้ง
“ แล้วเหตุใดเจ้าถึงปล่อยเจ้าเด็กน้อยนั้นให้ตกลงพื้น
”
หยางเสวี่ยเริ่มสงบใจและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น
“ ข้ารู้สึกเจ็บปวดที่ศรีษะและหน้าอกอย่างมาก
แล้วข้าจะไม่ปล่อยมันได้ยังไง ? ” [ TL : แค่โดนหยิกหัวนมทำเป็นร้อง
:# ]
คิ้วของหยางกงซุนเริ่มขมวดเข้าหากัน
ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบ มาถึงจุดนี้ทั้งสองเริ่มคิดในใจเงียบๆ ‘ ใครกันที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้
? หรือว่าจะมีขุมอำนาจที่สี่ซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรครองฟ้ากัน ? ’ [ TL : คิดไปไกลเกิ้นน ]
ทั้งคู่ไม่ได้คิดเลยว่าเรื่องทุกอย่างนั้นต้นเหตุมาจากเด็กน้อยคนนึงเท่านั้น
! แต่ทั้งหมดนี้
จะมีใครกันเล่าที่คิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากทารกตัวน้อยๆที่ซึ่งทำได้เพียงแค่เรียกหาบิดามารดาของมัน
หยางกงซุนครุ่นคิดอย่างยาวนานก่อนจะพูด
“ แม้ว้าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากเจ้า
และถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่แผนการแบบนี้ต้องมีอยู่ในความคิดของเจ้าอยู่บ้าง
ใช่ไหม ? ”
หยางเสวี่ยทำได้เพียงพยักหน้าเบาๆ
หยางกงซุนทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ สตรีที่แต่งงานแล้วก็เหมือนกับน้ำที่ถูกโยนออกไปจากอ้อมอกบุพการี
บิดาจะไม่โทษเจ้า มันคงจะแปลกถ้าเจ้าไม่ได้คิดที่จะทำเช่นนั้น ” เสียงถอนหายใจดังออกมาอีกครั้ง เขารู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นไปอีกหลายปี
หยางเสวี่ยเป็นคนฉลาดและเข้าใจได้ทันทีในความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของบิดาของนาง
แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าตระกูลหลิงและหยางนั้นฟาดฟันกันมาอย่างยาวนาน ทั้งชีวิตทั้งสองมิอาจเดินทางขนานกันได้
แต่ถ้าหากว่าตระกูลหยางทำลายตระกูลหลิง
เมื่อนั้นก็จะเป็นจุดจบของตระกูลหยางเช่นกัน เพราะทั้งสองตระกูลนี้เป็นตระกูลที่ครองอำนาจในอาณาจักรนี้มาอย่างยาวนานทำให้ขุมอำนาจอื่นๆวิตกกังวลและหวาดระแวง
โดยเฉพาะตระกูลราชวงศ์ในปัจจุบันของอาณาจักรครองฟ้า หากว่าตระกูลหยางหรือตระกูลหลิงตระกูลใดตระกูลหนึ่งเกิดล่มสลาย
ตระกูลที่เหลือคงจะถูกตระกูลราชวงศ์กำจัดเพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังอื่นมีอำนาจมากกว่าตนอย่างแน่นอน
ดังนั้นหากว่ามองอีกมุมหนึ่ง
เหตุการณ์นี้อาจเป็นการทำลายสายเลือดตัวเองของตระกูลหลิง ! หยางกงซุนตอนนี้ตกอยู่ในห้วงความคิด
ยังไงก็ตามหยางเสวี่ยนั้นมีเหตุผลที่จำเป็นต้องคิดเช่นนั้น
บุตรชายของนางเองก็เป็นถึงองค์ชายรัชทายาทและมีอายุสามปีแล้ว นางจึงต้องเริ่มวางแผนอนาคตให้กับบุตรชายของนาง
เพราะอำนาจที่ตระกูลหลิงครอบครองนั้นมีมากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นอำนาจในส่วนรัฐหรือแม้กระทั่งกำลังทหาร
ในอดีตนั้นตระกูลหลิงนั้นไม่ค่อยมีลูกหลานและแม้ว่าจะพยายามหรือทะเยอทะยานมากแค่ไหนก็ตามสุดท้ายตระกูลหลิงก็จะเข้าสู่หายนะด้วยตัวเองเนื่องจากขาดผู้สืบทอด
แต่ทว่าเวลานี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยการกำเนิดของหลิงเทียนนี้อาจจะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลหลิง
ตระกูลหลิงนั้นมีขนาดใหญ่และทรงอำนาจที่ทำให้แม้กระทั่งตระกูลราชวงศ์นั้นต้องตื่นตัวตลอดเวลา
ถ้าหากว่าพวกเขามีความต้องการอำนาจมากกว่านี้ ลูกชายของนางก็คงจะไม่ปลอดภัย
หยางเสวี่ยแน่นอนว่าไม่ต้องการเห็นภาพที่ว่านี้ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องวางแผนตอบโต้ แผนที่จะทำให้ตระกูลของนางและตระกูลหลิงห้ำหั่นกัน
พอหลังจากนั้นเมื่อลูกชายของนางได้เป็นจักรพรรดิ เขาจะสามารถช่วยฟื้นฟูตระกูลหยางจากความเสียหายได้
ตราบใดที่ลูกชายของนางสามารถนั่งอยู่บนบัลลังค์จักรพรรดิ แม้ว่าตระกูลหยางจะตกต่ำแค่ไหนก็ยังคงมีโอกาสเกิดใหม่จากกองขี้เถ้า
! แต่ยังไงก็ตามถ้าหกว่านางยังปล่อยตระกูลหลิงคว้าข้อได้เปรียบนี้ไปล่ะก็
นั่นต้องเป็นปัญหาใหญ่ต่อตระกูลหยางในอนาคตแน่นอน แผนที่จะเกิดใหม่จากขี้เถ้าของตระกูลหยางก็จะกลับกลายเป็นถูกลมพัดหายไปจนกระทั่งตระกูลหยางกลายเป็นเพียงฝุ่นและควัน
!
ก่อนที่นางจะแต่งงานกับองค์จักรพรรดิ
นางเป็นเพียงหญิงสาวที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาจากตระกูลหยาง ! อย่างไรก็ตามประการแรกคือตอนนี้นางคือเป็นแม่คนและต้องมองหาทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับลูกชายของนาง
ประการที่สองนางเป็นถึงจักรพรรดินีของราชวงศ์และนางจำเป็นต้องปกป้องรากฐานของตระกูลจักรพรรดิ
! ประการสุดท้าย นางนับว่าเป็นสตรีคนหนึ่งของตระกูลหยาง
แม้ว่านางจะต้องรู้สึกผิดต่อบิดา แต่นางก็ไม่คิดว่าสิ่งที่นางทำผิดอะไร
หยางกงซุนทำได้เพียงถอนหายยาวๆออกมา
เวลาเพียงสั้นๆกลับทำให้มันดูแก่ขึ้นหลายปี “ ตอนนี้ตระกูลหลิงยังไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับเจ้าได้ในตอนนี้แต่ว่าเจ้าจะต้องถูกจับตามองมากขึ้น
ข้าจะไม่ห้ามเจ้าไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร แต่ว่าช่วงสองสามปีนี้เจ้าอย่าเพิ่งวางแผนทำอะไรทั้งนั้นจะดีที่สุด
” เขาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “ ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดแล้วสักวันนึงเจ้าจะสามารถจัดการศัตรูของเจ้าได้...โอเค
ตอนนี้เราเกือบจะถึงพระราชวังแล้ว งั้นข้าขอตัวกลับก่อน ” หลังจากพูดจบหยางกงซุนไม่รอคำตอบจากหยางเสวี่ยและปล่อยนางให้คิดทบทวนด้วยตัวเอง
หยางเสวี่ยจ้องมองแผ่นหลังของบิดา
ดวงตาของนางเริ่มแดงและคลอไปด้วยน้ำตา
สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
หลังจากที่ลงมาจากรถลาก
หยางกงซุนยืนนิ่งอยู่พักนึงราวกับว่ากำลังรอคำพูดบางอย่างจากปากของลูกสาวของตน
แต่สุดท้ายหยางเสวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเขาจึงถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะไพล่มือไว้ข้างหลังและเดินจากไป
เมื่อก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็หยุดและพูดออกมาช้าๆ “ มันเป็นแค่เด็กทารก
แม้ว่ามันจะฉลาด แต่เจ้ายังคงมีเวลาก่อนที่มันจะเติบโต ทำไมไม่ลองใช้เวลาสักสองสามปีในการจับตามองมัน
? ให้เจ้ารู้ไว้ว่าบางทีมันอาจจะไม่มีค่าให้เจ้าต้องสนใจแม้แต่น้อย อย่าให้ความกลัวมากัดกินใจของเจ้าจนตัดสินใจผิดพลาด
สุดท้ายนี้ ถ้าหากว่ามันเป็นตัวปัญหาขึ้นมาจริงๆ มันก็ยังไม่สายที่เจ้าจะกำจัดมันออกไป
! ” ได้ยินคำพูดจากบิดา ดวงตาหยางเสวี่ยส่องประกายขึ้นมา
พอพูดจบ หยางกงซุนก็จากไปอย่างรวดเร็วและไม่หันกลับมามอง
นางไม่ได้เป็นเพียงบุตรสาวของเขาเพียงเท่านั้นแต่ตอนนี้นางเป็นถึงพระมารดาขององค์รัชทายาทและเป็นถึงมเหสีของจักรพรรดิ
! การเป็นบิดาของนางนั้นทำให้นางต้องเผชิญกับความยากลำบากมาตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมา
ต่อจากนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำให้ชีวิตของนางลำบากและคอยบงการนางอีก เรื่องนี้ให้นางเป็นคนตัดสินใจตามที่นางต้องการ
มองดูเงาของบิดาที่ค่อยๆหายไป
นางสังเกตเห็นว่าบิดานางเริ่มชราและดูไร้เรี่ยวแรงกว่าเมื่อก่อน ซึ่งทำให้นางถึงกับสะเทือนใจและพูดไม่ออก
ดวงตาของนางเริ่มเปียกชื้นและเต็มไปด้วยน้ำตา นางหันกลับไปที่รถม้าและปรับอารมณ์อย่างช้าๆก่อนที่ภาพลักษณ์และใบหน้าของนางจะกลายเป็นเย็นชา
นางค่อยๆนั่งลงไปอย่างช้าๆและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ จงกลับไปที่พระราชวัง
! ”