เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้หลิงเทียนก็มาอยูโลกนี้ได้หนึ่งปีแล้ว ในวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่ 7 กรกฏาคมซึ่งเป็นวันเกิดของหลิงเทียนและตระกูลหลิงก็ได้จัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ อีกทั้งมันยังเป็นวันที่ต้องทำตามประเพณีที่เรียกว่า “เลือกสรรค์เส้นทาง” ของนายน้อยหลิง สำหรับตระกูลหลิงแล้วนี่เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และผู้คนทุกระดับชั้นของจักรวรรดิครองฟ้าเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยาน และเวลาเดียวกันพวกเขาก็จะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารและจะได้ประจบตระกูลหลิงด้วย [1]
หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ก็เพียงพอให้หลิงเทียนเข้าใจในอีกหลายๆเรื่อง ด้วยความฉลาดของเขา บทสนทนาระหว่างสมาชิกในตระกูลก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หลิงเทียนเข้าใจพื้นฐานของโลกใบนี้ แต่ในช่วงที่เขาได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกนี้มันก็ยิ่งทำให้หลิงเทียนสับสน
โลกใบนี้หรือเรียกอีกอย่างว่าดาวเคราะห์ดวงนี้นั้นแตกต่างอยากมากจากโลกที่เขาเคยอยู่ในชาติที่แล้ว แต่มันก็ยังมีบางอย่างที่คล้ายๆกัน ในดาวเคราะห์ดวงนี้นั้นมีสามทวีปใหญ่ๆ… ทวีปดาราสวรรค์ , ทวีปสุริยันสวรรค์และทวีปวายุสวรรค์และทวีปที่ตระกูลหลิงอยู่นี้คือทวีปดาราสวรรค์ ทั้งสามทวีปนั้นถูกคั่นจากกันด้วยมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
ยังไงก็ตาม มนุษย์ในสามทวีปที่กล่าวมานั้นก็ไม่ได้มีความซับซ้อนเหมือน ‘โลก’ (Earth) ผู้คนทั้งสามทวีปนั้นต่างมีสีผิวที่คล้ายคลึงกันทั้งหมด หากเปรียบเทียบกับผู้คนบนโลก เหล่าผู้คนในดาวเคราะห์ดวงนี้ก็เปรียบเสมือนชาวจีน ราวกับว่าดาวเคราะห์ดวงนี้นั้นเต็มไปด้วยคนผิวเหลืองอย่างสมบูรณ์ (TL : ก็คือสีผิวโดยปรกติของคนเอเชียนั่นแหละฮะ ) นอกจากนี้ดาวเคราะห์ดวงนี้ยังมีเผ่าพันธุ์ปีศาจ เผ่ามนุษย์สัตว์และเวทย์มนตที่หลิงเทียนคิดว่ามันไม่ควรมีในโลกใบนี้
ในทวีปดาราสวรรค์ มันไม่ได้มีเพียงจักรวรรดิครองฟ้าไม่ใช่อาณาจักรแห่งเดียวในที่ทวีปนี้ ยังมีอีก 7 ถึง 8 อาณาจักรที่ทั้งเทียบเท่าและอ่อนแอกว่าจักรวรรดิ ความสัมพันธ์ระหว่างจักรวรรดินั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงจากการถูกหลอกลวงและสงครามได้ แต่ยังไงก็ตามความแข็งแกร่งของจักรวรรดิต่างๆก็มีความคล้าคลึงกันด้วยพื้นที่ในทวีปที่มีการจัดสรรอย่างเท่าเทียมกันและเพราะเหตุนี้จักรวรรดิทั้งหลายต่างจับตามองจักรวรรดิอื่นๆและรอโอกาสที่จะโจมตี
สิ่งที่ทำให้หลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจและสับสนมากที่สุดก็คือวัฒนธรรมของดาวเคราะห์ดวงนี้มีหลายอย่างที่เหมือนกับที่โลก ที่นี่พวกของก็เคารพเล่าจื้อ , เทพขงจื้อ , เม่งจื้อ , หาน เฟยจื่อและคนอื่น ในขณะเดียวกันทุกคนที่นี่ก็พูดภาษาจีนราวกับว่ามันเป็นภาษากลางของดาวเคราะห์ดวงนี้
แถมในโลกนี้ยังมีวรยุทธ แต่ยังไงก็ตามเมื่อเทียบกับนิกายต่างๆที่โลก วรยุทธของที่นี่น่าเวทนาเกินไป เกือบทั้งหมดของทักษะบ่มเพาะและทักษะต่อสู้ของที่นี่เน้นไปที่วรยุทธภายนอก มีเพียงไม่กี่ทักษะเท่านั้นที่จะสามารถบ่มเพาะกำลังภายในได้
การสู้รบของดาวเคราะห์ดวงนี้จะสู้กันด้วยอาวุธเหล็กกล้า ถ้าหากให้หลิงเทียนเปรียบสถานะของดาวดวงนี้กับที่โลก ดาวดวงนี้คงจะคล้ายกับยุคสมัยราชวงศ์ซุยและราชวงศ์ถังที่ยังขาดแคลนเทคโนโลยี
หลิงเทียนทำได้เพียงคร่ำครวญ “ ด้วยความรู้ที่ข้ามี ข้าบอกได้เลยว่าข้าเปรียบเสมือนศาสดาผู้ยิ่งใหญ่บนดาวดวงนี้… พระเจ้า นี่ข้ามาอยู่ในที่ๆตกต่ำแบบนี้ได้ยังไง? ที่นี่ไม่แม้แต่จะมีคอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ต ไม่มีทีวีหรือสื่ออะไรทั้งนั้น แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือไม่มีแม้แต่สื่อขั้นพื้นฐานอย่างเช่นหนังสือพิมพ์ ! ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่ามันไม่มีนิยายแฟนตาซีหรือแม้กระทั่งนิยายกำลังภายในที่ข้าชอบอ่าน…”
“แม่งเอ้ย!” เมื่อหลิงเทียนคิดถึงเรื่องพวกนี้มันทำให้เขารู้สึกใจหาย ! ‘ ข้าจะใช้ชีวิตแบบนี้ได้ยังไง! ’ หลิงเทียนรู้สึกหงุดหงิดมาก
หลังจากที่เขาได้เห็นห้องหนังสือของปู่ของเขาครั้งเดียวหลิงเทียนก็แทบจะยอมแพ้ ในห้องหนังสือนี้เต็มไปด้วยหนังสือที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และมีแต่หนังสือที่ดูดวิญญาณ ( TL : อ่านแล้วง่วง ) นอกจากหนังสือที่มีชื่อว่า “ ตำนานจักรพรรดิดาราสวรรค์ ” แล้วหนังสือเล่มอื่นๆก็เป็นเพียงแค่คำเยินยอซึ่งทำให้คนอ้วกแตกได้สามวันสามคืนหลังจากที่ได้อ่านมัน ! มีเพียงแค่ปู่ของเขาเท่านั้นที่หยิบมันมาอ่านอย่างมีความสุขทุกคน ! บางครั้งเขาก็อ่านพวกมันออกมาดังๆด้วยความปิติยินดี…
สิ่งที่ปู่ของหลิงเทียนชอบทำมากที่สุดก็คือกอดหลานของตัวเองในขณะที่ถือหนังสือชีวประวัติไว้อีกมือของเขา จากนั้นเขาก็จะอ่านมันออกมาและพยายามให้หลานของตนซึมซับวัฒนธรรมธรรมนี้ หลังจากวันนั้นผ่านไปหลิงเทียนก็กลายเป็นไม่ชอบปู่ของเขาอีก ความรู้สึกที่ถูกพูดกรอกหูทุกวันเลวร้ายยิ่งกว่าตอนที่เขาถูกทำให้เป็นขยะและทำลายการบ่มเพาะในชาติที่แล้วเสียอีก ถ้าหากมีทางเลือกอื่นล่ะก็หลิงเทียนจะยอมนั่งอยู่บนม้านั่งเสือดีกว่าที่จะต้องมานั่งฟังปู่พล่าม [2]
‘ แม่เจ้า ! แม่แต่คำว่า “น่ากลัวอย่างยิ่ง” ก็แทบจะไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันรู้สึกยังไง ! ข้าเชื่อว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าก็มิอาจทนฟังมันได้ ! ’ หลิงเทียนแทบจะไร้ซึ่งความหวัง เขาจึงค้นหาทักษะที่สามารถสะกดจิตได้ในความทรงจำของเขาและฝึกมันด้วยความขมขื่น เขาไม่ได้คิดว่าชีวิตเขาต้องมาสะกดจิตตัวเองแต่เพื่อแลกกับการที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากเหล่าบรรดาประวัติศาสตร์และประเพณีจากปากของปู่ของเขา หลิงเทียนก็กลั้นใจฝืนฝึกมัน
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาเมื่อไรก็ตามที่ปู่ของเขาอุ้มเขาและเริ่มพูดออกมาหลิงเทียนก็จะสะกดจิตตัวเองและผลได้ที่ก็มหัศจรรย์ !
หลิงเทียนเริ่มเงียบ เขามองโลกในแง่ร้ายและผิดหวังกับโลกนี้โดยสิ้นเชิง เขารู้สึกสูญเสียความมั่นใจทั้งหมดในโลกนี้
ถ้าไม่เพราะว่ามันยากมากจะมีโอกาสไปมาเกิดใหม่พร้อมกับความทรงจำของเขาอีกครั้งไม่งั้นหลิงเทียนก็คงฆ่าตัวตายไปแล้ว
ในปีนั้นหลิงเทียนก็ได้ดูดซับปราณเซียนเทียนบริสุทธิ์จนสำเร็จขั้นแรกด้วยความช่วยเหลือจากทักษะบ่มเพาะศักดิ์สิทธิ์สะท้านมังกร
อย่าดูถูกว่ามันเป็นเพียงแค่ขั้นแรก ทุกคนต้องรู้ว่าหลิงเทียนได้ใช้ปราณเซียนเทียนบริสุทธิ์เป็นรากฐานในขั้นแรกด้วยทักษะบ่มเพาะศักดิ์สิทธิ์สะท้านมังกร ! ซึ่งในโลกของผู้ฝึกตนนั้นนี่เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น ! ซึ่งก็หมายความว่าหลิงเทียนจะไม่เต้องเผชิญกับคอขวดใดๆทั้งสิ้นในการบ่มเพาะที่ผู้ฝึกตนทั่วไปต้องเผชิญ ตราบใดที่เขายังบ่มเพาะ ปราณที่เขาดูดซับจะถูกทำให้กลายเป็นปราณเซียนเทียนบริสุทธิ์ในร่างกาย ( TL : ทรูมาละ ดูดซับปราณอะไรก็กลายเป็นเซียนเทียนบริสุทธิ์หมด … )
ถ้าหากว่าเส้นลมปราณของผู้ฝึกตนธรรมดาเปรียบเสมือนกับลำธารเล็กๆที่มีสิ่งกีดขวางมากมาย เส้นลมปราณของหลิงเทียนก็เปรียบเสมือนแม่น้ำที่ทอดยาวและไหลลื่น ! ซึ่งไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้แม้แต่น้อย ! ความแตกต่างระหว่างหลิงเทียนกับผู้ฝึกตนธรรมดาก็เหมือนกับคนยากจนที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากไร้และเจ้าชายที่เกิดมาในตระกูลราชวงศ์ !
หลังจากเข้าสู่ขั้นเซียนเทียน ผลประโยชน์ที่ได้รับจะไม่ใช่เพียงแค่ไม่มีจุดตีบตัน แต่ในปีนี้หลิงเทียนได้เข้าสู่โลกของผู้ฝึกตนที่เขาทำได้เพียงแค่ฝันในชาติที่แล้ว… และตอนนี้เขาก็สามารถบ่มเพาะได้โดยไม่ต้องกลัวมาจะมีอะไรมารบกวน เนื่องจากความจริงแล้วเขายังเล่นอยู่ในบทบาทของเด็กทารกที่ไม่รู้เกี่ยวกับการเดินหรือการพูด เขามีเวลาตลอดทั้ง 24 ชั่วโมงต่อวันในการบ่มเพาะ !
นี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะถ้าหากหลิงเทียนสามารถวิ่งไปรอบๆและสบถคำหยาบออกมาตั้งแต่วันแรกที่เกิด แน่นอนว่าจะไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะแน่นอน แต่พวกเขาจะคิดว่าหลิงเทียนเป็นสัตว์ประหลาด !
พอเขาเหนื่อยกับการบ่มเพาะปราณภายใน หลิงเทียนก็จะใช้เวลาตรวจสอบทักษะต่างๆที่เขาได้รับมาจากชาติที่แล้วเพื่อให้มั่นว่ามันยังคงอยู่ในความทรงจำของเขาครบถ้วน ในโลกใบนี้เรียกได้ว่าความรู้เกี่ยวกับวรยุทธต่างๆนั้นหาได้ยากมาก หลิงเทียนจึงรู้ว่าตัวเขาเป็นขุมทรัพย์ขนาดใหญ่จากจำนวนทักษะต่างๆที่เขามีอยู่ในความทรงจำ ! ถ้าหากเขาตั้งใจฝึกฝนทักษะต่างๆจากความทรงจำ มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นในดาวเคราะห์ดวงนี้ ! ทุกทักษะที่เขามีอยู่คือสุดยอดสมบัติที่จะทำให้เขาสร้างตำนานและรักษาชีวิตของเขาได้ในอนาคต
หลังจากที่เขาเลือกสรรทักษะต่างๆในความทรงจำแล้ว หลิงเทียนก็เริ่มขั้นตอนต่อไปทันที นั่นก็คือการจัดเรียงทักษะต่อสู้ไว้ในหัวไว้ตามลำดับซึ่งประกอบไปด้วยทักษะต่อสู้มือเปล่า , กระบี่ , ฝ่ามือ , ท่าร่างและทักษะอื่นๆอีกมากมาย
ในชาติที่แล้ว หลิงเทียนถูกทำลายการบ่มเพาะ หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือจากหลิงเมิ่งเอ๋อร์เขาก็อาศัยอยู่ที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกเพียงลำพังและสิ่งที่ทำให้เขาบันเทิงได้ก็คือเกมส์ออนไลน์กับนิยาย เพราะว่าเขาเคยเป็นผู้ฝึกยุทธมาก่อนเขาจึงสนใจในเกมส์ประเภทต่อสู้ ขณะที่เขากำลังจัดเรียงทักษะต่อสู้ต่างๆในหัว หลิงเทียนก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังเล่นเกมส์ออนไลน์อีกครั้ง !
แน่นอนว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการเล่นเกมส์ออนไลน์และสิ่งที่เขาทำในเกมส์ก็คือการต่อสู้ในโลกเสมือนจริงขณะที่อีกแบบหนึ่งคือการจำลองการต่อสู้ในจิตถึงแม้ว่าทั้งสองจะมีลักษณะคล้ายๆกันคือความเสมือนจริง หลิงเทียนได้ร่ายรำทุกกระบวนท่าภายในจิตใจ การเคลื่อนไหวของหลิงเทียนในโลกแห่งจิตใจนั้นเป็นการต่อสู้ระยะประชิดเพื่อให้บรรลุการฆ่าภายในกระบวนท่าเดียว
ต้องบอกว่ามันเป็นงานที่หนักมากสำหรับหลิงเทียนในการจัดเรียงข้อมูลทั้งหมดภายในความทรงจำของเขา เพราะข้อมูลต่างๆในความทรงจำของหลิงเทียนนั้นมีมากซะจนนับไม่ถ้วนและแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจัดการพวกมันทั้งหมดภายในหนึ่งปี หลิงเทียนเพียงแค่เลือกในสิ่งที่เขารู้สึกว่าสำคัญที่สุดมาก่อนนั่นคือการปกป้องตัวเองด้วยการฝึกทักษะการต่อสู้ ตั้งแต่ที่เขารู้สึกถึงความวุ่นวายในอำนาจและรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก !
ในขณะที่หลิงเทียนถูกวางลงเปลสำหรับเด็ก เขาได้ปิดตาลงราว มันทำให้เขาดูเงียบสงบและดูว่านอนสอนง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วในโลกแห่งจิตใจเขากำลังเคลื่อนไหวไปมาด้วยความเร็วและไม่มีการหยุดพัก
[1] มันเป็นเหตุการณ์ที่ต้องเลือกสิ่งของต่างๆเช่น หนังสือ , พู่กัน , ลูกคิดและอื่นๆอีกมากมายจะถูกวางไว้เบื้องหน้าของเด็กคนนั้นเพื่อให้เขาเลือกมันขึ้นมาหนึ่งชิ้น และของที่เด็กคนนั้นเลือกก็จะบ่งบอกถึงเส้นทางของเด็กคนนั้นในอนาคต
[2] ม้านั่งเสือเครื่องอุปกรณ์ที่มีไว้ทรมารมนุษย์ในยุคกลางของจีนซึ่งอาจส่งผลให้ถึงตายได้ ( เสิร์ชอากู๋ได้ Tiger Bench )
ถ้าตรงไหนมันดูแปลกๆสามารถเตือนได้ ติได้แนะนำได้เลยนะครับ ช่วยดูคำผิดให้ด้วยครับเผื่อผมตกหล่น ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/readlolt/
ฝากเพจนิยายด้วยครับ