เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกรงของร่างกาย หลิงเทียนจำเป็นต้องใช้ปราณเซียนเทียนจากร่างกายของมารดาของเขาพร้อมกับทักษะใช้บ่มเพาะในชีวิตที่แล้วของเขา แต่ปัญหาก็คือว่าเส้นลมปราณของหลิงเทียนนั้นยังไม่เปิดกว้างพอและมันยังอ่อนแออยู่ในตอนนี้ ไม่รู้ว่าปกติแล้วทารกอ่อนแอแค่ไหนแต่ตอนนี้เขารู้แค่ว่าเขาตัวเขาในตอนนี้อ่อนแอมาก
เนื่องจากเขาวางแผนไว้แล้วดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะหยุดและหันหลังกลับ หลิงเทียนเริ่มหมุนเหวียนปราณเซียนเทียนไปตามเส้นลมปราณในร่างกายของเขาอย่างช้าๆและประณีตราวกับกำลังแกะสลักก้อนเต้าหู้
ราวกับว่าเวลาผ่านไปถึงศตวรรษ ! หลิงเทียนก็สามารถโคจรพลังเซียนเทียนและผลักดันมันให้ผ่านจุดแรกของเส้นลมปราณในร่างได้ จิตวิญญาณของเขาตอนนี้กลายเป็นอ่อนแอมาก มันลำบากราวกับว่าเขากำลังปีนอยู่บนหน้าผาสูงกว่าหมื่นฟุตและเป็นหน้าผาหินที่บอบบางและคดเคี้ยว ! หลังจากหลิงเทียนตื่นขึ้นมานั่นเป็นสิ่งแรกที่เขาบ่นและสาปแช่ง
หลังจากหมุนเวียนพลังปราณไปทั่วร่างหลิงเทียนรู้สึกได้ว่าเส้นลมปราณของเขาเปิดกว้างและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมและมันทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้น แม้ว่าเขาจะยังคงบ่นอยู่แต่หลิงเทียนก็รู้ว่าส่วนที่ยากที่สุดของการบ่มเพาะพลังภายในคือการโคจรพลังให้ทั่วร่างกายในครั้งแรก ไม่เพียงแค่นั้นเขายังต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา เขาต้องควบคุมปริมาณของพลังลมปราณให้ค่อยๆไหลผ่านเส้นลมปราณของเขาอย่างช้าๆเพื่อให้มันค่อยๆขยายขึ้น จากนั้นเขาจะเปิดทางให้พลังลมปราณให้มันไหลไปตามเส้นลมปราณในร่างกายเรื่อยๆทุกการกระทำหลิงเทียนควบคุมมันด้วยความระมัดระวังเพราะหากเขาพลาดแม้แต่นิดเดียวเขาคงจะตายแน่ๆ
บางครั้งหลิงเทียนก็คิดกับตัวเองว่าถ้าเขาสามารถบ่มเพาะพลังได้ตั้งแต่อยู่ในครรถ์มารดา…พอเขาคิดเช่นนั้นแล้วเขาก็รีบหยุดตัวเองทันที! ‘ ไม่…ไม่ไม่! นั่นมันอันตรายเกินไป! ’
นับตั้งแต่ที่เขาได้พูดคุยกับหลิงเสวี่ยเอ๋อร์ในเส้นทางสู่ปรภพ หลิงเทียนก็คิดว่าตัวเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะว่าปมในใจของเขาถูกชำระล้างไปแล้วเพราะฉันนะเขาจึงไม่ได้อยากจะให้มันซ้ำรอยเดิมกับช่วงชีวิตที่แล้วของเขาคิดเช่นนี้เขาก็ร่าเริงขึ้นมา
หลิงเทียนไม่คิดว่าหลิงเสวี่ยเอ๋อร์จะโกหก เพราะคนที่ใกล้จะตายมักจะพูดความรู้สึกออกมาจากก้นบึ้งในจิตใจ นอกจากนี้พวกเขาทั้งคู่ก็ได้ตายไปแล้วและอยู่ในเส้นทางไปสู่ปรภพจึงไม่มีเหตุผลที่หลิงเสวี่ยเอ๋อร์จะโกหกเขาอีก!
‘ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ฉันได้เกิดใหม่แล้วทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นก็ปล่อยให้มันตายไปพร้อมกับอดีต ! นับจากนี้ฉันจะกลายเป็นใหม่ ฉันจะพยายามให้มาขึ้นในโลกใหม่นี้เพื่อให้แน่ใจว่าฝันของฉันจะต้องกลายเป็นจริงไม่ว่าจะพวกพ้อง! เงินทอง ! อำนาจ ! กลายเป็นเทพแห่งการต่อสู้และได้รักกับสตรีที่งดงาม !
จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึกๆ… โอ้ ไม่! เขาสำลักน้ำคร่ำในครรถ์ของมารดาของเขาอีกครั้ง (TL: ไอ้บ้า 555+) จากนั้นหลิงเทียนก็เริ่มโคจรปราณเซียนเทียนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเส้นลมปราณของเขาอีกครั้ง เขาต้องพยายามให้ดีที่สุดเพื่อที่เขาจะได้กลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังตั้งแต่เกิด หลิงเทียนเริ่มเพ้อฝัน ‘ อืมมม ดูเหมือนว่าจะเคยมีคนที่แข็งแกร่งสุดๆอยู่ในความทรงจำของฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหนึ่งในคนที่ถูกพระเจ้าสร้างสรรค์… ขณะที่หลิงเทียนกำลังคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ . ' พระเจ้าช่วย ! อย่าบอกนะว่าฉันกำลังจะกลายเป็นซูเปอร์เทพ (TL : มันแปลว่างี้จริงๆนะ) แต่ฉันไม่เห็นมีแหวนวิเศษหรือเข็มขัดเจ็ดสีเลย… ไม่ใช่ว่าฉันต้องเกิดมาพร้อมกับมันไม่ใช่เหรอ? [3]
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้…
หลิงเทียนไม่รู้เลยว่าเวลาเขาใช้เวลาอยู่ในครรถ์ของมารดาของเขาไปนานเท่าไร ทุกๆวันเขาทำเพียงแค่บ่มเพาะแล้วก็นอนเท่านั้น หลิงเทียนรู้แค่ว่าหลังจากที่เขาเกิดแล้ว เขาอาจจะไม่ได้รีบปราณเซียนเทียนบริสุทธิ์อีกต่อไปเพราะฉะนั้นเขาจึงต้องกอบโกยสมบัติในตอนนี้ให้ได้มากที่สุด นอกเหนือจากการนอนหลับแล้วเขาก็ใช้เวลาว่างไปกับการบ่มเพาะ สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือร่างกายของเขาเริ่มเติบโตขึ้น ด้วยการปรับแต่งร่างกายของเขาทำให้แขนและขาของเขานั้นแข็งแกร่งมาก บางครั้งเมื่อเขาลองเตะเบาๆเขาทักจะได้ยินเสียงกลองและเสียงตำหนิอย่างอ่อนโยนจากมารดา
ผลจากการที่เขาได้ดูดซับปราณเซียนเทียนบริสุทธิ์อย่างช้าๆ ร่างเล็กๆของหลิงเทียนในตอนนี้แข็งแกร่งมากเส้นลมปราณก็ได้ถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์และรากฐานของเขาก็สมดุลมาก หลิงเทียนรู้ว่าอีกไม่นานเขาก็จะได้ออกไปจากครรถ์ของมารดา ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นี้ จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเขากำลังจะเกิดแล้ว
ในขณะนั้นหลิงเทียนคิดว่านี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก ! ‘ ฉันได้บ่มเพาะในครรถ์ของมารดา ร่างกายนี้สมบูรณ์แบบและเส้นลมปราณก็มีความแข็งแกร่งมากแต่ฉันคงยังเล็กเกินไป ! ที่แน่ๆฉันอาจจะใช้เวลาไปประมาณ 8 ถึง 9 เดือนแล้ว แล้วนี่ฉันจะออกไปข้างนอกได้ยังไง อีกอย่าง กะโหลกของฉันนั้นแข็งแกร่งมากกว่าทารกธรรมดาอีก…ถ้าหากฉันออกไปไม่ได้ล่ะ ? ’
‘ บ้าเอ้ย ! ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย ? ’ หลิงเทียนแทบอยากจะร้องไห้ ! เขาได้เสียสติไปได้พักนึงแล้วอยู่เขาก็คิดบางอย่างได้ ‘ อืมมม , ฉันจำได้ว่ามีทักษะบางอย่างที่สามารถยืดหรือหดกระดูกได้ ฉันเคยอ่านมันที่หอคัมภีร์ของตระกูลหลิงก่อนหน้านี้…ใช่แล้ว ! สวรรค์ ! หลิงเทียนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ไม่รอช้าหลิงเทียนเริ่มค้นหาทักษะที่สามารถยืดหดกระดูกจากความทรงจำของเขาและใช้เวลาที่เขาหลับในการฝึกมัน เรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของเขาทำให้เขากังวลเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ในความคิดของหลิงเทียนคิดอยู่อย่างเดียว ‘ ดีที่สุดแล้วที่เขามาจากตระกูลสาขา ! เพราะมีเพียงลูกหลานของตระกูลหลักเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์เข้าไปยังหอคัมภีร์ของตระกูลเพื่อดูคัมภีร์วิชาต่างๆ แต่สำหรับอัจฉริยะเช่นหลิงเทียนซึ่งมาจากตระกูลสาขาจะมีสิทธิเข้าไปในหอคัมภีร์ได้แค่วันเดียวต่อเดือนเท่านั้น ดังนั้นหลิงเทียนจึงจำทุกวิชาหรือทักษะบ่มเพาะที่เขาสนใจทุกวิชาในขณะที่เขาได้สิทธิเข้าไปในหอคัมภีร์และพอหลังจากที่เขากลับไปที่พักเขาก็จะฝึกฝนมันในทันทีที่ลานฝึกซ้อมส่วนตัว ช่วงนั้นเขามักจะมีงานอดิเรกคือจดจำวรยุทธ์และทักษะบ่มเพาะต่างๆและฝึกฝนมันให้หมดทุกวิชา ! และตอนนี้ก็ถึงเวลาใช้ประโยชน์จากมันแล้ว !
หลิงเทียนเคยถามตัวเองว่าถ้าหากเขาเป็นลูกหลานของตระกูลหลักและมีอิสระที่จะเข้าไปในหอคัมภีร์ เขาจะใช้ความพยายามแค่ไหนในการจำมันทั้งหมด? แน่นอนว่าไม่ ! เพราะถ้าหากเขาสามารถเข้าไปในหอคัมภีร์เมื่อไรก็ได้เขาก็คงไม่เสียเวลาจดจำมันทั้งหมด เพียงแค่อยากฝึกเขาก็แค่เข้าไปเท่านั้น… นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกขอบคุณที่ได้เกิดมาเป็นตระกูลรอง ! ‘ ขอบคุณพระเจ้า ! ’ อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาต้องหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมของมารดาและตัวเขาด้วยการฝึกฝนทักษะเคลื่อนกระดูกให้สำเร็จโดยเร็ว !
…..
[3] คำพูดนี้มันมาจากนิยายคลาสสิคของจีนเรื่อง ‘ Investiture of the Gods เทพประยุทธ์พิชิตฟ้า ’ (TL : ซึ่งนิยายเรื่องนี้ทำหนังออกมาด้วยไปเสิร์ชดูได้ในกูเกิ้ลลล)
*** he became a human spinning top (ใครรู้ว่ามันแปลว่าอะไรช่วยชี้แนะด้วยครับ) ***
#หัดแปลครับ ตรงไหนแปลกๆหรืออะไรยังไงแนะนำได้เลยครับ ติได้เลย
.....
https://www.facebook.com/readlolt/
ติดตามข่าวสารได้ที่เพจนี้เลยครับ