บทที่ 1 การแก้แค้นของหลิงเทียน




ดวงตะวันลับโผล่พ้นขอบฟ้าเป็นสัญญาณว่ารุ่งอรุณได้มาถึง


แสงของดวงตะวันทอสาดส่องมายังพื้นผิวของมหาสมุทร คลื่นซัดสาดและพัดผ่านไปมาเหมือนกับการปลอบประโลมจากอ้อนแขนของมารดา คลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่ซัดเข้าหาฝั่งและถดถอยออกไปโดยไม่มีทีท่าว่าจักสิ้นสุด


ณ สถานที่แสนห่างไกล ฝูงของนกนางนวลต่างโบยบินขึ้นไปบนฟากฟ้าและพวกมันก็บินวนไปมาอย่างยาวนาน


หลิงเทียน, บุรุษผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ผิวพรรณของเขางดงาม ซึ่งอยู่ภายใต้ชุดคลุมสีขาว นี่ทำให้ตัวเขากลายเป็นดั่งรูปสลักที่สลักขึ้นมาด้วยความประณีต. เขานั่งอยู่บนเรือยอร์ชและนั่นทำให้เกิดเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบด้วยร่างกายที่ไหวไปตามคลื่นของมหาสมุทร. เส้นผมของเขาปลิวไสวไปตามคลื่นลมและรอยยิ้มที่ดูลึกลับของเขาปรากฏขึ้นบนใบหน้าในขณะที่แววตาของเขานั้นดูเปล่งประกาย. เขาได้หลอมรวมกับธรรมชาติจนกลายเป็นภาพอันงดงาม แม้กระทั่งจิตรกรที่หยาบกร้านก็ยังไม่สามารถหาข้อบกพร่องใดๆในภาพที่ดูสมบูรณ์แบบนี้ได้.


หลิงเทียนนั้นไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมาแม้แต่น้อย มันดูเหมือนว่าเขากำลังจมอยู่กับความเงียบงันและดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพอันสวยงามรอบกาย แต่ในความจริงแล้วในใจของเขานั้นกำลังระส่ำระส่ายและเขาก็กำลังทุกข์ใจอยู่กับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านเข้ามาในความทรงจำของเขา


หลิงเทียนมาจากตระกูลผู้ฝึกยุทธโบราณอันลึกลับในประเทศจีน. ตระกูลหลิน. นับตั้งแต่วัยเยาว์ เขามักจะได้รับการฝึกอันสุดแสนจะโหดร้ายและนั่นทำให้เขาเหนือกว่าทุกคนในรุ่นราวคราวเดียวกัน. จนกระทั่งเขาอายุได้ 15 ปี เขาก็ได้กลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานและอยู่เหนือทุกผู้คนในรุ่นเยาว์ ไม่ว่าจะเป็นด้านกำลังภายในหรือภายนอกหรือศิลปะทั้งสี่แขนงแห่งผู้รอบรู้ (the four arts of a Chinese scholar) [1] และศาสตร์อื่นๆอีกมากมาย. เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นความหวังในหมู่ของรุ่นเยาว์ในตระกูลหลิงและเป็นตัวแทนที่โดดเด่นที่สุด.


ยามที่เขาครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น, ประกายความขมขื่นก็แสดงออกมาผ่านแววตาของหลิงเทียน. หลิงเทียนนั้นเกิดในตระกูลสาขาของตระกูลหลิงและเขาไม่ใช่ลูกหลานเชื้อสายตรง. ดังนั้นตั้งแต่ที่เขาเริ่มมีชื่อเสียงตอนอายุ 15 ตระกูลสาขาไม่ใช่แค่ไม่ถูกเหลียวแลเท่านั้น แต่ยังถูกกดขี่ข่มเหงจากพวกตระกูลหลัก


จนกระทั่งหลิงเทียนอายุได้ 16 ปี , ตระกูลสาขาก็ตกอยู่สถานการณ์วิกฤต. ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าผู้อาวุโสบางคนของตระกูลออกหน้าปกป้อง ตระกูลสาขาคงถูกกวาดล้างเพราะหลิงเทียน.


แต่ท้ายที่สุด แผนการชั่วร้ายก็เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ


หลิงเทียนจดจำได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องราวนั้นเกิดขึ้นในระหว่างฤดูร้อนเมื่อตอนเขาอายุได้ 17 ปี. ก่อนเทศการฤดูใบไม้ร่วงจะเริ่มขึ้นเพียง 11 วัน วันนั้นเขาได้ไปที่ริมทะเลทราบเพราะว่าเขารู้สึกผิดหวังและท้อแท้. แต่จู่ๆเขาก็ได้เห็นน้องสาวของเขาอย่างไม่คาดฝัน , หลิง เสวี่ยเอ๋อร์ และนางกำลังจมน้ำ !


หลิงเทียนนั้นไม่ได้รู้สึกที่ดีในตัวน้องสาวของเขาคนนี้มากนักเพราะนางมักจะงมงายในวัตถุนิยมและการแข่งขันมากเกินไป. เพราะแบบนั้นเขาจึงได้รักษาระยะห่างระหว่างเขากับเธอ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เขาย่อมไม่อาจจะทิ้งในสถานการณ์แบบนี้ได้. เมื่อมองเห็นหลิงเสวี่ยเอ๋อกำลังร้องไห้ตะโกนขอความช่วยเหลือ , หลิงเทียนไม่คิดสิ่งใดอีกและกระโดดลงไปในน้ำทันที


ในขณะนั้นหลิงเทียนไม่ได้มองเห็นและเฉลียวใจในความผิดปกติจากตัวหลิงเสวี่ยเอ๋อร์ ปกตินางมักจะถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน แต่ตอนนี้นางกลับอยู่ที่นี่เพียงลำพัง และมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เด็กสาวผู้เติบโตจากริมฝั่งน้ำจะไม่สามารถว่ายน้ำได้? จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างลึกซึ่งดังชั่นหลิงเสวี่ยเอ๋อจะตกลงไปในทะเลสาบโดยไม่มีสาเหตุ? ไม่แปลกไปหน่อยหรือที่หญิงสาวที่มักจะเย่อหยิ่งอย่างหลิงเสวี่ยเอ๋อร์จะร้องไห้ขอความช่วยเหลือ?


บางทีหลิงเทียนอาจจะพิจารณาเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว หรือบางทีเขาตระหนักถึงพวกมันเลย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ยังคงกระโดดลงไปช่วยน้องสาวของเขาผู้ที่เขาไม่ชื่นชอบมาตั้งแต่วัยเยาว์


ถึงแม้ว่าหลิงเทียนนั้นจะฉลาดและไม่ใช่ผู้ที่มีความคิดตื้นเขิน แต่เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กอายุ 17 ปี ! หลิงเทียนผู้ที่ไม่เคยออกไปสัมผัสกับโลกภายนอก เขายังคงบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเกินไปถึงแม้ว่าจะผ่านการฝึกฝนและเคี่ยวกรำจากตระกูลมาแล้วก็ตาม เขาไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะใช้วิธีการที่สกปรกเช่นนี้เพียงเพราะต้องการอำนาจ



เมื่อหลิงเทียนกระโดดลงไปในน้ำและพุ่งเข้าไปหาหลิงเสวี่ยเอ๋อ, แต่หลิงเสวี่ยเอ๋อร์ที่อ่อนแอพลันกลายเป็นเข้มแข็งและทรงพลังพร้อมกับจู่โจมใส่เขา ในขณะเดียวกันเธอก็เริ่มร้องไห้และร้องขอความช่วยเหลือด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความน่าสงสารและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว



ในช่วงเวลานั้น หลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่าเสื้อผ้าของหลิงเสวี่ยเอ๋อร์นั้นฉีกขาดอยู่แล้ว ! ราวกับว่าใครบางคนฉีกมันออกอย่างรุนแรง หลิงเทียนเริ่มรู้สึกได้ทันทีว่ามีอะไรผิดปรกติ ทันทีที่เขาต้องการจะสลัดให้หลุดจากหลิงเสวี่ยเอ๋อร์และมุ่งหน้ากลับขึ้นฝั่ง แต่ที่ริมฝั่งในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย


ภายในจิตใจของหลิงเทียนนั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่าเพราะว่าผู้คนที่อยู่บนฝั่งทั้งหมดนั้นเป็นสมาชิกจากตระกูลหลัก ! นี่แน่นอนว่ามันเป็นกับดัก ! มันเป็นหลุมพรางที่จะทำลายชื่อเสียงของข้าจนหมดสิ้น ที่น่าหัวร่อยิ่งนักเราเพิ่งจะกระโดดลงไปโดยปราศจากการระมัดระวังตัวโดยสิ้นเชิง !


แน่นอนว่าหลิงเสวี่ยเอ๋อร์นั้นย่อมได้รับการช่วยเหลือจนถึงฝั่ง! จากนั้นนางก็สะอึกอะอื้นเล่าเหตุการณ์ว่าหลิงเทียนนั้นพยายามจะข่มขืนนาง เสื้อผ้าของนางที่ฉีกขาดนั้นเป็นหลักฐานชิ้นใหญ่ชิ้นสำคัญที่นางได้รับจากการกระทำของหลิงเทียน นางเล่าว่าหลิงเทียนนั้นเหวี่ยงนางลงน้ำเพราะเขาเกิดโทสะเมื่องนางพยายามดิ้นรนขัดขืน ! แน่นอนว่าผู้คนกว่า 50 ชีวิตที่อยู่บนฝั่งนั้นเป็นสักขีพยาน !


หลักฐานปรากฏอย่างเด่นชัด ! การกระทำของหลิงเทียนนั้นสร้างความเสื่อมเสีย เขาไม่เพียงพยายามช่วงชิงอำนาจในตระกูลผ่านวิธีที่ต่ำช้า, แต่ยังพยายามที่จะข่มขืนน้องสาวของตัวเอง. การกระทำของเขานั้นชั่วช้าสามานย์เป็นที่สุด, นั่นทำให้เส้นผมของผู้คนลุกชี้ชันด้วยความโกรธเกรี้ยว ! เขานั้นต่ำช้ายิงกว่าสัตว์เดรัจฉาน !


ผู้นำตระกูลได้เรียกผู้อาวุโสทั้งห้าของตระกูลมาเพื่อไต่สวนความผิดของหลิงเทียน ! ตลอดกระบวนการนี้ หลิงเทียนไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาแม้แต่คำเดียว อันที่จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาอีก.


ในชั่วเวลานั้นหลิงเทียนจมอยู่กับความสิ้นหวัง หากแต่ว่าเขารู้สึกละอายใจต่อครอบครัวของเขา ตระกูลสาขาของหลิงเทียนเองก็พลอยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และด้วยเหตุนี้ พวกเขาถูกสั่งห้ามไม่ให้เขามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของตระกูลในระยะเวลา 10 ปี ! บิดามารดาของหลิงเทียนนั้นถูกจำกัดอิสรภาพเพราะไม่อบรมสั่งสอนเขา พวกเขาได้ถูกห้ามออกจากตระกูลไปตลอดชั่วชีวิต !


ส่วนตัวของหลิงเทียน, เขานั้นเป็นตัวการหลักในการเป็นบุคคลที่เลวทรามต่ำช้าที่สุดของตระกูล ดังนั้นบทลงโทษของเขาจึงรุนแรงที่สุด เขาถูกทำลายการบ่มเพาะและขับไล่ออกจากตระกูล ไม่ให้กลับมาอีกตลอดชีวิต !


หลิงเทียนถูกจับโยนออกไปนอกตระกูลราวกับเศษขยะ ตลอดกระบวนการนี้หลิงเทียนยังคงตกอยู่ในความงุนงงราวกับเขากำลังฝันไป.


นับจากนั้น ชีวิตของหลิงเทียนก็กลายเป็นน่าสังเวช !


ถึงแม้ว่าหลิงเทียนจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลไปแล้วก็ตาม เหล่าเครือญาติของเขาก็ยังคงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ ! พวกเขาค้นพบหนทางหาความสำราญจากการรังแกผู้ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาไม่อาจแตะต้องได้ในอดีตก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่เคยปล่อยปละละเว้นและตามรังแกหลิงเทียนทุกวันราวกับเป็นเงาของเขาและใช้ทุกวิธีการเพื่อจะสร้างความลำบากให้กับผู้ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาได้แต่แหงนคอขึ้นมอง เป็นเช่นนี้ไปตลอดสามปี อัจฉริยะผู้ทะนงตนกำลังดิ้นรนใช้ชีวิตราวกับอยู่ในนรก ! หลังจากนั้นสามปีน้องสาวของเขา หลินเมิ่งเอ๋อก็ได้พบหนหทางที่จะช่วยเขาด้วยการส่งเขาไปยังมหาสมุทรทางทิศตะวันออกซึ่งห่างไกลจากตระกูลหล หลังจากนั้นการทรมารเขาก็จบลง


นับแต่นั้นจนถึงตอนนี้หลิงเมิ่งเอ๋อมักจะคอยมาเยี่ยมหลิงเทียนและมอบสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตและบอกสถานการณ์ภายในตระกูล. ในขณะที่เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ตระกูลหลิงก็ดูเหมือนว่าจะลืมเลือนอัจฉริยะผู้นี้ไปโดยสิ้นเชิง แต่หลิงเทียนนั้นไม่เคยลืมเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นแม้แต่น้อยนิด ! การล้างเค้นนั้นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ !


ผู้อาวุโสหนึ่งซึ่งเป็นผู้ทำลายการบ่มเพาะของเขาไม่ได้แสดงความเมตตาออกมาเลยแม้แต่น้อย. นั่นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถใช้วรยุทธในการแก้แค้น. ในช่วงเวลาไม่กี่ปี หลิงเทียนใช้เวลาของเขาไปกับอาวุธปืน สิ่งนี้ได้กลายมาเป็นที่พึ่งเดียวของเขาที่หลงเหลืออยู่


เมื่อสามเดือนก่อนหน้านี้ หลิงเมิ่งเอ๋อร์มาพบเขาเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อแจ้งว่าหลิงเสวี่ยเอ๋อร์ที่เป็นคนใส่ร้ายเขาก่อนหน้านี้กำลังจะแต่งงานกับนายน้อยจากตระกูลหวง. งานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นที่มหาสมุทรตะวันออกซึ่งงานแต่งนี้แน่นอนว่าจะเต็มไปด้วยความหรูหรา ตระกูลใหญ่และผู้มีอำนาจทางการเมืองจะมาร่วมเป็นสักขีพยายานในช่วงเวลาแห่งความสุขของหลิงเสวี่ยเอ๋อ ! สำหรับตระกูลหลิง ผู้เยาว์ที่มีความสามารถที่งหมดและสามผู้อาวุโสจะเข้าร่วมงานนี้ด้วย


จากข่าวที่หลิงเมิ่งเอ๋อร์ได้ส่งมา หลิงเทียนได้จมอยู่กับความเงียบและไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวจนกระทั่งหลิงเมิ่งเอ๋อร์จากไป ก่อนที่หลิงเมิ่งเอ๋อร์จะไป นางได้พูดกับเขา ข้ารู้ว่าท่านพี่คิดอะไรอยู่ข้ารู้ว่านี่คือความปรารถนาเดียวในชีวิตของพี่ หากว่าพี่ต้องการ ท่านพี่สามารถติดต่อไปที่หมายเลขนี้ ไม่ว่าพี่จะต้องการอะไร จะมีคนจัดหาทุกๆอย่างมาให้ท่านพี่เอง


หลิงเมิ่งเอ๋อร์จากไปพร้อมกับทิ้งนามบัตรไว้ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม


หลิงเทียนเพียงแค่นั่งอยู่เช่นนั้นจนทั้งวันไม่ขยับเขยื้อนราวกับเขาเป็นเพียงก้อนหิน วันรุ่งขึ้น เขาตัดสินใจที่จะโทรไปหาเบอร์ที่ได้มาหลังจากที่เขาได้นั่งคิดอยู่ทั้งคืน


หลิงเทียนทราบว่าโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขามาถึงแล้วและถ้าเขาพลาดมัน เขาก็คงจะไม่มีทางแก้แค้นได้อีก ! นอกจากนี้ นี่ยังเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายของน้องสาวของเขา !


ถ้าหากเขาสามารถกำจัดทุกๆคนในงานแต่งได้ล่ะก็ ตระกูลต่างๆทั้งหมดจะต้องทนทุกข์ทรมารเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลหลิง , ความร้ายแรงนี้มากพอที่จะทำลายพวกเขาทั้งตระกูล ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น คนกลุ่มเดียวที่จะได้รับผลประโยชน์ก็คือน้องสาวของเขา หลิงเมิ่งเอ๋อร์ และตระกูลสาขาของเขา


หลังจากทำความเข้าใจเรื่องราวแล้ว ข้อสงสัยในอดีตทั้งหมดพลันกระจ่างชัดขึ้นมา ! หลิงเมิ่งเอ๋อร์ น้องสาวผู้ไร้เดียงสาของเขา น้องสาวผู้ที่เขาได้ทนุทนอมอย่างดีนางนี้แท้จริงแล้วกลับซุกซ่อนความเฉลียวฉลาด นางวางแผนนี้ล่วงหน้ามานานแล้ว! ความทะเยอทะยานของนางช่างมหาศาลยิ่งนัก !


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลิงเมิ่งเอ๋อร์ได้เริ่มวางแผนการณ์นี้อย่างน้อยห้าปีแล้ว !  นับตั้งแต่ที่เขาถูกขับไล่ออกจากตระกูล หลิงเมิ่งเอ๋อร์นั้นมีโอกาสมากมายที่จะแอบช่วยเขา แต่นางกระทั่งปล่อยให้เขาใช้ชีวิตราวกับตกนรกมาตลอดสามปี ! บางที นางอาจจะวางแผนนี้สำเร็จในวันที่นางช่วงเหลือเขา ส่วนสำคัญที่สุดในแผนการณ์นี้คือตัวเขาเอง ด้วยความสามารถในการคำนวณและเริ่มวางกับดัก เช่นเดียวกับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในวัตถุระเบิด หลิงเทียนย่อมเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากของตระกูล ! นอกจากนี้ เขายังเตรียมพร้อมที่จะตายเพื่อการล้างแค้น


สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นโดยปราศจากชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วหลิงเมิ่งเอ๋อร์ก็ยังคงกระทำมันสำเร็จ ! ในวันนี้ทุกชิ้นส่วนนั้นได้ถูกรวมเข้าด้วยกันแล้ว !


หลังจากที่เขาได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ความเย็นยะเยือกก็ได้แผ่ไปทั่วจิตใจของหลิงเทียนจนทำให้แขนขาของเขารู้สึกด้านชา เศษเสี้ยวของความรู้สึกดีในหัวใจของเขาได้มลายหายไป ในเวลาเดียวกันนั้นความรู้สึกขอบคุณที่เขามีให้กับหลิงเมิ่งเอ๋อร์กลับกลายเป็นความเกลียดชัง !


ไม่แปลกใจเลยที่น้องสาวและทุกๆคนในตระกูลสาขาไม่เรียกร้องความยุติธรรมให้กับเขาเมื่อเขาถูกทำลายการบ่มเพาะและถูกขับไล่ออกจากตระกูล พวกมันต่างมองเขาเป็นเพียงเครื่องมือ เครื่องมือที่ใช้แสวงหาอำนาจ ! เหตุการณ์ทั้งหมดที่หลิงเสวี่ยเอ๋อร์ใส่ร้ายเขานั้นไม่ได้มาจากเพียงพวกตระกูลหลัก ! มันเป็นสิ่งที่พวกตระกูลสาขาก็รอให้มันเกิดขึ้น ! ด้วยการทำลายการบ่มเพาะของเขาและขับไล่เขาออกจากตระกูลก็เพื่อขจัดอันตรายที่อาจเกิดกับพวกลูกหลานของตระกูลหลัก แต่เขากลับกลายเป็นระเบิดนิวเคลียร์ที่ซ่อนอยู่แทน !


แผนการนี้ถูกดำเนินมาตลอดห้าปีโดยที่ไม่มีสัญญาณใดๆ ! มันไม่น่าแปลกใจเลยที่หลิงเมิ่งเอ๋อร์ส่งตัวเขามายังมหาสมุทรตะวันออกแทนที่จะไปสถานที่อื่นๆในโลก ! สถานที่ที่จัดงานสมรสระหว่างหลิงเสวี่ยเอ๋อกับนายน้อยของตระกูลฮวงแน่นอนว่าถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่ทศวรรษก่อน และในเวลาเดียวกัน แผนการที่หลิงเมิ่งเอ๋อร์ได้วางเอาไว้ก็คือทำลายพวกเขากลางงานแต่งงาน !


ตอนนี้ มีระเบิดจำนวนมากฝังอยู่ใต้คฤหาสน์ตระกูลหวงที่ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ! ระเบิดเหล่านี้มีมากเพียงพอที่จะเปลี่ยนเนินเขาเล็กๆให้กลายเป็นทะเลสาบขนาดย่อมและฝังพวกมันลงไปใต้ดินอย่างเงียบๆ พวกมันรอเพียงสัญญาณ สิ่งเดียวที่ขาดในตอนนี้คือใครสักคนที่เป็นคนจุดชนวน.


ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นผู้จุดมัน คนผู้นั้นต้องตายอย่างแน่นอน ! มีอยู่เพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่เต็มใจจะยอมเสียสละชีวิตเพื่ออุดมคติ ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมเสียสละตัวเองแบบนั้น


แต่กระนั้นหลิงเทียนกลับแตกต่างออกไป เหตุผลเดียวที่หลิงเทียนยังมีชีวิตอยู่ก็เพื่อการแก้แค้น ! หลิงเทียนมีไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกับกับหลิงเสวี่ยเอ๋อได้ นอกจากนี้ หลังจากเผชิญความอัปยศที่ลูกหลานตระกูลหลักมอบให้กับเขามาตลอดสามปีแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะญาติดีกับพวกมัน ! เพื่อที่จะนำพวกคนเหล่านี้ลงนรกไปกับเขา เขายินดีที่จะยอมทำแม้ว่าเขาจะต้องตายอย่างสยดสยอง อันที่จริงเขายินดีกับมันเสียด้วยซ้ำ !


หลังจากที่หลิงเทียนโทรไปยังเบอร์นั้น เขาขออุปกรณ์สำคัญเพียงไม่กี่ชิ้นและในเวลาเดียวกันหลิงเทียนก็ยังเตือนพวกเขาไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่ามและอย่าเคลื่อนไหวโดยวู่วาม ก่อนที่ระเบิดจะถูกจุดขึ้น ภารกิจนี้ปล่อยให้เขาทำแต่เพียงผู้เดียว !


หลิงเทียนรู้ว่าถ้าหากเกิดความผิดปรกติใดๆขึ้น มันก็เพียงพอที่จะทำลายแผนการล้างแค้นทั้งหมดของเขา ดังนั้นหลิงเทียนจึงไม่อาจเสียงได้ แม้ว่าเขาจะกลายเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่ง แต่เขาก็ยังคงพอใจกับบทบาทนี้ !


เมิ่งเอ๋อร์ น้องรัก แม้ว่าเจ้าจะหลอกใช้พี่ แต่ข้าก็ยังคงขอบคุณ ! หลิงเทียนสงบจิตใจลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ที่เจ้าต้องการตระกูลและตำแหน่งนั้น เช่นนั้น พี่จะช่วยเจ้าให้ถึงที่สุด

……

หัดแปลครั้งแรก ผสมคำมั่วไปหมดบางคำก็เรียบเรียงไม่ถูก ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

[1] The four arts of a Chinese scholar refers to the zither, chess, calligraphy and painting.
ศิลปะทั้งสี่แขนงแห่งผู้รอบรู้ หมายถึง การละเล่นดนตรี , หมากรุก , การเขียนอักษร และการวาดภาพ

......

https://www.facebook.com/readlolt/


ติดตามข่าวสารได้ที่เพจนี้เลยครับ ใครมีคำแนะนำหรือผมแปลผิดพลาดหรือสำนวนนี้จะดีกว่าก็แนะนำผมได้เลยครับผมต้องการ เพราะหัดแปลครั้งแรก ขอบคุณครับ